Tom & Jerry คู่กัดระดับตำนานที่สะท้อนความจริง (เล็กๆ) ของโลกการทำงาน

Tom & Jerry คู่กัดระดับตำนานที่สะท้อนความจริง (เล็กๆ) ของโลกการทำงาน

Tom & Jerry คู่กัดระดับตำนานที่สะท้อนความจริง (เล็กๆ) ของโลกการทำงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ย้อนกลับไปที่คอนเซ็ปท์ของการ์ตูนทอมแอนด์เจอร์รี่ คู่ปรับระดับมหากาฬ ที่ต้นกำเนิดของเรื่องราวนั้นเล่าเรื่องราวของแมวที่ต้องปวดหัวกับหนูตัวหนึ่งที่หวังจะขโมยชีสมาเป็นอาหาร เจ้าแมวตัวนี้จึงต้องหาวิธีวางกับดัก แต่ในทุกครั้งเจ้าหนูตัวนี้ก็มักจะรู้เท่าทันแผนการเสมอและลงเอยด้วย เจ้าแมวเจ้าของบ้านเป็นฝ่ายเจ็บตัวอยู่เสมอ

ต้นกำเนิดของตัวละครทั้งสองนี้เป็นผลงานการสร้างของ บิล ฮันนาและโจ บาร์บาร่า ซึ่งเป็นฝ่ายพัฒนาแอนิเมชั่นให้กับค่ายหนังอย่าง MGM โดย Tom and Jerry นั้นได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นการ์ตูนที่ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และในช่วงเวลาหนึ่ง Tom and Jerry เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 13 รางวัลในประเภทแอนิเมชั่นขนาดสั้นและคว้ารางวัลมาได้ถึง 7 รางวัล

แม้ว่า Tom and Jerry (2021) จะเป็นแอนิเมชั่นผสมกับคนแสดง แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวละครทั้งสองได้ร่วมจอกับนักแสดงที่เป็นมนุษย์ ทอมกับเจอร์รี่เคยแสดงร่วมกับจีน เคลลี่ในหนังมิวสิคัลอย่าง Anchors Aweigh (1945) และปรากฏตัวในฉากกระโดดน้ำของเอสเธอร์ วิลเลียม ในหนังเรื่อง Dangerous When Wet (1953)

สำหรับในเวอร์ชั่นปี 2021 นี้ เล่าเรื่องราวของเคย์ล่า (โคลอี้ เกรซ มอเรซ) สาวน้อยเฟิร์สจ๊อบเบอร์ระหว่างที่เธอกำลังจะปั่นจักรยานไปส่งเสื้อผ้าซักรีด เธอดันไปอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทอมกับเจอร์รี่วิ่งไล่กวดกันกลางสวนสาธารณะและทอมชนเธอจนรถล้มและชุดกางเกงในของลูกค้าปลิวว่อนไปทั่ว จากจุดนี้ทำให้บริษัทไม่พอใจและสั่งพักงาน ทำให้เคย์ล่าตัดสินใจลาออก

ระหว่างที่เดินหางานใหม่ เคย์ล่าเดินมาถึง The Royal Gate Hotel โรงแรมหรูกลางนิวยอร์ก ระหว่างนั้นเองเธอสังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวแต่งตัวภูมิฐาน มาเตรียมรอสมัครเข้าทำงาน เคย์ล่าจึงฉวยโอกาสดังกล่าวแกล้งทำเป็นว่า เธอเป็นฝ่ายบุคคลในการรับพิจารณาคนเข้าทำงานและไม่ให้ผู้เข้าสัมภาษณ์คนนั้นผ่าน ก่อนที่ตัวเองจะสวมประวัติแทน และเดินไปสมัครงานในตำแหน่งชั่วคราวกับตำแหน่ง “ผู้ช่วยดูแลงานแต่งงาน”

ฝั่งตัวละครทอมและเจอร์รี่ยังคงตีกันไม่เลิก แต่เจอร์รี่ฉวยโอกาสขึ้นไปอยู่บนชั้นหรูของตัวโรงแรม ขณะที่ทอมยังกลายเป็นแมวจรจัดอยู่ข้างถนน เขาเลยพยายามหาวิธีที่จะพาตัวเองขึ้นไปอยู่ในห้องพักให้ได้

เคย์ล่า ที่สวมรอยสัมภาษณ์และเรซูเม่ผลงานของคนอื่นมาอ้าง แม้ว่าเธอจะดูได้รับความไว้วางใจจากมิสเตอร์ดูโบรส (ร๊อบ ดีลาเน่) ผู้จัดการโรงแรม แต่กลับค้านสายตาเทอร์เรนซ์ (ไมเคิล พีน่า) อย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่ไว้ใจเธอและรู้สึกมีอะไรพิลึกเกี่ยวกับเคย์ล่า แต่สุดท้ายเธอก็ได้รับเข้าทำงานเพื่อให้มาช่วยดูแลพิธีแต่งงานของคู่รักเซเลบริตี้ที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วัน

แน่นอนว่างานแต่งคงจะไม่ราบรื่น เพราะโรงแรมแห่งนี้กำลังจะประสบปัญหาเรื่องความสะอาด เนื่องจากมีคนพบเห็น “หนู” วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในโรงแรม เคย์ล่าจึงไปตกลงกับทอม ให้ดำเนินการจับเจอร์รี่และส่งมันไปให้พ้นจากโรงแรมนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อแลกกับที่อยู่อันแสนสุขสบาย ฉากแมวไล่จับหนูอันแสนคุ้นเคยจึงกลับมาสร้างความขบขันให้กับคนดูอีกครั้ง

ท่ามกลางสถานการณ์ชวนหัวเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วเราจะได้เห็นความกระเสือกกระสนของเคย์ล่า ที่พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งาน รักษาไว้ซึ่งตำแหน่งของงาน แม้เธอจะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันฝั่งเทอร์เรนซ์ที่มองเห็นความไม่ชอบมาพากลของเคย์ล่า จึงพยายามหาพิรุธของเธอให้เจอ ทว่าระหว่างนั้นเองเมื่อเทอร์เรนซ์กลับไม่ได้รับความดีความชอบ เขาจึงรู้สึกอิจฉาและพยายามจะกำจัดเคย์ล่าให้พ้นทาง แต่กลายเป็นว่าตัวเขาเองจึงโดนไล่ออกเนื่องจากพยายามว่าร้ายเคย์ล่า

ด้วยความโกรธแค้นเทอร์เรนซ์จึงวางแผนยุแยงตะแคงรั่ว ทอมกับเจอร์รี่ที่เหมือนว่ากำลังจะปรับตัวกลายเป็นเพื่อนได้ และการสุมไฟครั้งนี้เองแผนการที่เทอร์เรนซ์ต้องการที่จะแก้เผ็ดเคย์ล่า คือการทำให้งานแต่งของสองคู่รักเซเลบริตี้พังพินาศภายใต้การดูแลของเคย์ล่า โดยยืมมือของทอมและเจอร์รี่ในการทะเลาะวิ่งไล่กวดกันจนงานล่ม

แม้เราจะรู้กันเป็นอย่างดีว่าทอมและเจอร์รี่พวกเขาเป็นคู่ปรับกันมาตลอดกาล แต่ในโลกของการทำงานของมนุษย์ก็คงไม่แตกต่างกัน ทอมและเจอร์รี่อาจจะใช้วิธีการตบตี วิ่งไล่กวดวางกับดักซึ่งเป็นอะไรที่กระทำซึ่งหน้า แต่ในโลกของการทำงาน ตัวอย่างของเคย์ล่าและเทอร์เรนซ์คือคลื่นใต้น้ำที่ทั้งสองพยายามชิงไหวชิงพริบ และรอจังหวะที่ใครสักคนจะล้มลง พลาด เมื่อสบโอกาสพวกเขาก็เหยียบซ้ำและก้าวขึ้นมาเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่ากับตัวเอง

แม้ประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดหนังอาจจะไม่ได้นำเสนอชัดเจนแบบประเจิดประเจ้อนัก แต่เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย (ตามแบบฉบับหนังครอบครัว) เราก็จะได้เห็นตัวละครทั้งหมดกลับมายิ้มแย้มหน้าชื่นตาบานใส่กัน เพราะแท้ที่จริงแล้วพวกเขาได้ผลประโยชน์ร่วมกันต่างหาก ไม่ใช่เพราะพวกเขารักกัน!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook