Boss Level ตายวนลูป เดือดไม่ยอมพ่าย

Boss Level ตายวนลูป เดือดไม่ยอมพ่าย

Boss Level ตายวนลูป เดือดไม่ยอมพ่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รอย พัลเวอร์ (แฟรงค์ กริลโล) ชายสุดเท่ที่ต้องตกอยู่ท่ามกลางเรื่องราวสุดโหดไม่รู้จบ ในทุกเช้าเขาจะต้องตื่นขึ้นมาเพื่อโดนนักฆ่าไล่ล่าในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระเบิด ตัดหัว รุมยิงด้วยห่ากระสุนไม่รู้จบ หรือกระทั่งโดนแทงตายจนพรุน รอยจึงต้องพยายามค้นหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมเขาจึงต้องติดอยู่ในวงจรโหดนี้ และยังต้องหาหนทางช่วยชีวิตภรรยาเก่า (นาโอมิ วัตส์) กับลูกชายวัย 11 ปีไปพร้อมกัน นอกจากนี้รอยยังต้องค้นหาคำตอบที่ว่า เวนเทอร์ นักวิทยาศาสตร์ทางการทหารสุดชั่วร้าย (เมล กิ๊บสัน) ต้องการอะไรจากสิ่งลึกลับที่เขาเรียกว่า “กระสวยโอไซริส” แต่เพื่อหาคำตอบที่แท้จริงรอยจึงต้องยอมตายในทุกวันเพื่อรีเซ็ตตัวเองและหาทางรอดจากการโดนตามล่าแบบวนลูปให้จงได้

ส่วนผสมของหนังหลากหลายสไตล์

เป็นเรื่องยากที่หาไอเดียใหม่ๆให้กับหนังแอ็คชั่น แต่ถ้าหากลองหยิบเอาจินตนาการอันล้ำเหลือโลกจากใน Inception มาใส่กับความจริงจังอย่าง Big Trouble in Little China เล่นกับเรื่องของการวนลูปเวลาอย่าง Source Code และ Looper หรือเอาความเท่ห์สไตล์หนังฮ่องกงเข้าไปผสมกับสไตล์ภาพแบบวิดีโอเกมพ่วงความโหดแบบ Groundhog Day และใส่ความคมของบทเข้าไปอีกนิดก็จะได้ออกมาเป็น Boss Level ผลงานการกำกับของโจ คาร์นาฮาน

แรกเริ่มเดิมทีหนังเรื่องนี้ชื่อ Continue ผลงานการเขียนของพี่น้องคริสและเอดดี้ บอรี่ย์ ซึ่งหัวใจของหนังจะว่าด้วยตัวเอกผู้ไม่เคยทำหน้าที่พ่อ แต่ในความไซไฟของบทจึงทำให้ตัวเองติดกับอยู่ในวงจรที่ผลักดันให้เขาต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้คนที่เขารักยกโทษให้ แต่บทภาพยนตร์ในเวอร์ชั่นของโจ ได้เพิ่มความสมบูรณ์ของรอย พัลเวอร์ อดีตกัปตันหน่วยเดลต้าที่ติดอยู่ในลูปเวลา ซึ่งเขาคิดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตภรรยาของเขา ดร. เจมมาเวลส์ นักวิทยาศาสตร์ ที่ทำงานกับ พันโทไคลฟ์ เวนเทอร์ และรอยกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของ ไคลฟ์ ด้วยเครื่องจักรลึกลับที่เขาเรียกว่า ‘กระสวยโอไซริส’ เขาถูกตามฆ่าทุกวัน จากกลุ่มมือสังหารที่ส่งมาโดย เบรท ดีนาว หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของพันโทไคลฟ์ ซึ่งทุกคนออกติดตามรอย และทุกครั้งที่รอยถูกฆ่า เขาจะตื่นขึ้นมาเริ่มวันเดิมอีกครั้ง แต่จากการโดนพยายามฆ่าทุกครั้ง รอยจะต้องรวบรวมเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับความจริงสุดน่ากลัวและระหว่างหาทางออกจากลูปนรกนี้ เขาก็พบวิธีสร้างสัมพันธ์กับ โจ ลูกชายวัย 11 ปี ผู้ชอบเล่นวิดีโอเกมต่อสู้มากกว่าไปโรงเรียน

คำว่า Boss Level (หรือระดับบอส) เป็นคำสำหรับคนที่เล่นเกมจะเข้าใจกันได้ทันทีว่า เราหมายถึงระดับบอสสูงสุดซึ่งเป็นความยากที่สุดในเกมต่อสู้ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียที่รอย พัลเวอร์จะถูกฆ่าและคืนชีพเพื่อหาทางไปต่อสู้กับพันโทไคลฟ์ ซึ่งเป็นบอสใหญ่ของหนังเรื่องนี้

องค์ประกอบของ Boss Level มีทีเด็ดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพลิกเรื่องราวหลายตลบ เครื่องยิงระเบิด การยิงจากเฮลิคอปเตอร์ การจี้ด้วยไฟฟ้า การตัดหัว ความตายด้วยหม้อกาแฟและความโหดในหลายรูปแบบ ในขณะที่มือสังหารและทหารรับจ้างของไคลฟ์ ต้องตามล่ารอยทุกวันด้วยการสังหารแบบเหนือชั้น การต่อสู้ด้วยมือเปล่า และการไล่ล่าด้วยรถยนต์ ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้ทำให้มันกลายเป็นจุดเด่นของหนัง

 

แฟรงค์ กริลโลกับบทนำครั้งใหม่

แฟรงค์เปรยว่าเขาชอบที่จะทำให้ผู้คนมีความรู้สึกแบบเดียวกับที่เขาเคยรู้สึกในช่วงเวลาที่ตัวเองเคยได้ชมภาพยนตร์อย่าง Die Hard หรือ Lethal Weapon ซึ่งเขายังจดจำความรู้สึกแปลกใหม่ในช่วงเวลานั้น และเขาอยากจะทำให้ Boss Level มอบความรู้สึกแบบนั้นให้กับผู้ชมและพาคนดูหวนคืนบรรยากาศหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญที่ยิ่งใหญ่แบบในยุค 80 เลยทีเดียว

บรรดาฉากฆ่ากันในหนัง รอยต้องเรียนรู้ว่าเขาควรจะหลีกเลี่ยงอะไร อย่างไร เมื่อไหร่ อย่างแม่นยำ แม้รอยจะสามารถหลบหลีกการโดนสังหารแบบรายวันได้ แต่ในทุกวันรอยจะต้องเจอกับความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งแฟรงค์ก็มีฉากโปรดในการถ่ายทำครั้งนี้ นั่นก็คือฉากที่ Mr. Good Morning’ พยายามฆ่ารอยทุกวัน และฉากที่ยากสุดคือฉากกระโดดตึกที่มีความสูง 50 ฟุต เพราะแฟรงค์ไม่ชอบความสูงเลย เขาชอบพวกฉากฟันดาบ และฉากต่อสู้มาก มันเป็นอะไรที่เขาสนุกไปด้วย

นอกเหนือไปจากนี้ตัวแฟรงค์เองยังเป็นคนเริ่มก่อตั้งบริษัท Warparty ร่วมกับผู้กำกับ โจ คาร์นาฮาน ซึ่งความสนิทของทั้งสองไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบท หรือการสร้างตัวละคร ทั้งสองล้วนแล้วแต่คอยพูดคุยให้คำปรึกษากันมาโดยตลอด ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไป ภาพยนตร์เรื่องแรกของบริษัท Warparty คือหนังเรื่อง Wheelman (2017) ซึ่งเป็นผลงานการกำกับของเจรามี่ รัช และนำแสดงโดยตัวแฟรงก์เอง และออกฉายทาง Netflix ส่วนในปี 2019 Point Break ผลงานของโจ ลินช์ นำแสดงโดยแฟรงค์และแอนโธนี่ แม็คกี้ ออกฉายทาง Netflix และเรื่องล่าสุดกับ Boss Level ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 4 มีนาคม 2564

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook