รีวิว Yes Day วัน "เซย์เยส" แห่งชาติ สานรักแห่งครอบครัว
Yes Day เล่าเรื่องราวของแอลลิสัน (เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์) หญิงสาวผู้มองโลกในแง่บวก รักการผจญภัย เธอมักจะมองสิ่งต่างๆรอบตัวเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า ดังนั้นเธอจึงมักจะตอบรับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วยคำว่า “โอเค ใช่ เอา ตกลง” (Yes) อยู่เสมอ จนกระทั่งเธอได้พบกับชายหนุ่มที่ชื่อคาร์ลอส (เอ็ดการ์ รามิเรซ) หนุ่มหล่ออารมณ์ดีแต่แอบขี้กลัว ทั้งสองตกหลุมรักกันและแต่งงานในที่สุด แต่แล้วเมื่อทั้งสองคนมีลูกด้วยกันถึง 3 คน จากชีวิตที่เชย์เยสกันมาตลอด แอลลิสันและคาร์ลอสก็ต้องเชย์โนกันแทบไม่ว่างเว้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกหรือเรื่องงาน
วันเวลาผ่านไป แอลลิสันกลายเป็นคนเครียดและดูเป็นมารร้ายประจำบ้าน ในขณะที่คาร์ลอสซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายกฎหมายของบริษัทไอทีก็ต้องคอยห้ามปรามเพื่อนร่วมงานไม่ให้ทำอะไรสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง จนกระทั่งวันหนึ่งทางโรงเรียนได้เรียกแอลลิสันและคาร์ลอสไปประชุมผู้ปกครองเพื่อแสดงให้เห็นปัญหาว่า ตอนนี้ลูกๆของพวกเธอมองแอลลิสันเป็นคุณแม่จอมเผด็จการ แม้จะเสียใจอยู่ลึกๆ ไม่นานนักทั้งสองได้พบกับมิสเตอร์ดีคอน (แนท ฟาซอน) ที่แนะนำให้ทั้งสองให้รางวัลกับลูกๆด้วยการกำหนดวัน Yes Day ขึ้นมาเพื่อตอบตกลงในสิ่งที่ลูกๆพวกเขาจะขอในวันนั้น ซึ่งห้ามปฏิเสธพวกเขาโดยเด็ดขาด
เพื่อเป็นการเชื่อมสายสัมพันธ์ของครอบครัวกลับมา แอลลิสันและคาร์ลอสจึงตอบตกลงกับลูกๆให้มีวัน Yes Day แต่แน่นอนว่าวันดังกล่าวจะต้องนำมาซึ่งเรื่องราวอันแสนโกลาหล อันนำมาซึ่งเรื่องปวดหัวให้กับสองพ่อแม่รับมือกันชนิดที่พวกเขาเองก็คาดไม่ถึง
ด้วยความเป็นหนังตลกเบาสมอง Yes Day จึงไม่ใช่หนังที่เน้นประเด็นครอบครัวอันแสน ซีเรียสเคร่งเครียดมากมายนัก หนังดำเนินเรื่องตามสูตรสำเร็จหนังครอบครัวทุกกระเบียดนิ้ว โดยที่ตัวหนังเองก็มีแก่นของเรื่องที่เหนียวแน่นมาก คือความรักความเข้าใจกันระหว่างคนในครอบครัวซึ่งถือเป็นสายใยที่ยึดโยงสมาชิกเข้าหากัน แม้ว่าบางครั้งความเห็นของแต่ละคนจะไม่ตรงกัน แต่พวกเขาก็ต้องเรียนรู้กันไป ท่ามกลางความผิดพลาด เพื่อทำความเข้าใจ พวกเขาก็จะรักกันมากขึ้นและมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของ “ความรัก” จากคนเป็นพ่อเป็นแม่
Yes Day ไม่ใช่หนังที่มีอะไรซับซ้อน มันคือหนังครอบครัวเบาสมองอย่างแท้จริงที่ทุกคนในครอบครัวสามารถมานั่งสนุกด้วยกันได้ท่ามกลางวันหยุดสุดสัปดาห์ ดูได้ผ่าน Netflix เจ้าเดิม