เซีย (Sia) จากนักร้องสู่บทบาทผู้กำกับในหนังชวนประทับใจ Music
เรื่องราวของสองพี่น้อง
ซู (เคท ฮัดสัน) หญิงสาวผู้ห่างเหินจากครอบครัวของตัวเอง เธอรู้สึกเสียใจและเอาแต่พร่ำโทษตัวเองที่ตีจากคนที่เธอรักมา แต่แล้วซูก็ค้นพบว่าเธอเป็นผู้ดูแลเพียงคนเดียวของมิวสิค (แมดดี้ ซีกเลอร์) น้องสาววัยรุ่นต่างพ่อ หลังจากที่ยายของทั้งคู่ได้เสียชีวิตลง มิวสิคกลายเป็นคนพูดไม่ได้และมีอาการออทิสติกอ่อนๆ ก่อนจากโลกนี้ไปยายของเธอได้สร้างตารางชีวิตและเขียนกิจวัตรประจำวันไว้ให้มิวสิคด้วยความรัก และเพื่อนบ้านยังพร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาดูแลมิวสิคเป็นอย่างดี
ซูผู้เคยไม่รักและห่วงใยมิวสิคเลย จึงต้องเริ่มดิ้นรนและสร้างความรับผิดชอบในฐานะผู้ดูแลน้องสาวคนนี้ เพื่อนบ้านของพวกเขาอย่างเอโบ (เลสลี โอดอม) บังเอิญได้ยินการทะเลาะกันระหว่างซูและมิวสิคทำให้เขาพยายามเข้ามาช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามด้วยจิตใจที่อ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจในตัวมิวสิคของเอโบ ทำให้ซูเกิดความรู้สึกประหลาดใจ ทำให้ทั้งสามคนเริ่มเปิดใจซึ่งกันและกัน และทำให้ซูค้นพบว่าเรื่องบางเรื่องนั้นต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้ ปรับตัวและทำความเข้าใจผู้อื่นให้มากขึ้น
Music จึงเป็นหนังที่ผสมผสานเรื่องราวแห่งความจริงใจ และพลังงานแห่งความรัก เข้ากับเสียงดนตรีเพื่อเปิดประตูบานใหม่ให้ผู้ชมก้าวเข้าไปสัมผัสกับตัวละครในเรื่อง
จากโปรเจ็คเรื่องสั้นสู่หนังขนาดยาว
ระหว่างการสร้างหนังเรื่อง Music นั้น ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากเรื่องสั้นและตัวละครที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง คาแรกเตอร์ของตัวละครมิวสิคที่แมดดี้ ซีกเลอร์แสดงนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้ป่วยออทิสติกที่เซียได้พบระหว่างการเข้ารับการบำบัดและประชุมผู้ติดแอลกอฮอล์ โดยแม่ของเขาเป็นล่ามภาษามือในการประชุม แต่ตัวเธอไม่มีเงินพอที่จะจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลตอนที่เธอต้องออกมาทำงาน เธอจึงต้องหอบหิ้วลูกชายไปที่ทำงานด้วยในทุกเช้าวันอาทิตย์ เซียมีโอกาสได้พูดคุยกับทั้งสองแม่ลูก จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พูดประโยคที่สะเทือนฉันอย่างรุนแรงว่า “ในวันที่ฉันจากโลกนี้ไป ใครกันเป็นคนที่เราเขาและดูแลเขา” นั่นเองที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของหนังเรื่อง Music
ในฐานะที่ตัวเซียเอง เคยรับหน้าที่ในการกำกับมิวสิควิดีโอมาก่อน เธอจึงมีมุมมองว่าบางทีการสร้างหนังอาจจะเหมือนกับการกำกับมิวสิควิดีโอขนาดยาว การที่ตัวเซียเองได้ช่วยดูแลทั้งเรื่องการออกแบบเครื่องแต่งกาย เขียนเพลงด้วย ยังไม่รวมไปถึงการนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ทำให้เพื่อนร่วมงานของเธอต้องเปิดการในการยอมรับความอันแสนบรรเจิดของเซียเอง
บทภาพยนตร์ที่เซียเองเขียนร่วมกับดัลลัส เคลย์ตัน ทำให้เธอเปิดโอกาสได้ลองแสดงสิ่งที่เธออยากให้ตัวละครของเธอนำเสนอออกมา เพื่อทำให้เห็นว่าจริงๆแล้วเธอรู้สึกอย่างไรและต้องการนำเสนออารมณ์อะไรให้ผู้ชมรู้ อย่างไรก็ตามนักแสดงอย่างแมดดี้ นั่นจริงๆแล้วเธอคือเพื่อนสนิทของเซีย หลังจากที่ได้ร่วมแสดงเป็นนางเอกในเอ็มวีอย่าง Chandelier ก่อนที่จะปรากฏตัวในเพลงอื่นๆอาทิ Elastic Heart, Big Girls Cry, Cheap Thrills และ The Greatest ในเวลาต่อมา
ความสนิทของทั้งสองทำให้เซียและแมดดี้ร่วมออกแบบตัวละครมิวสิคมาด้วยกัน เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญมากๆที่ตัวละครนี้จะต้องเป็นตัวแทนของเด็กออทิสติก
เคท ฮัดสันกับบทบาทที่ท้าทายอีกครั้ง
หลังจากที่เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาจากหนังเรื่อง Almost Famous ของคาเมรอน โครว์ หลังจากนั้นมาเคท ก็มีบทบาทในหนังมากมายหลายรูปแบบ ในช่วงหนึ่งเธอเป็นเจ้าแม่หนังรอมคอมที่ผู้ชมต่างหลงรักเธอ ก่อนที่จะพลิกบทบาทมาเล่นหนังสยองขวัญ หรือหนังดราม่าหนักๆมากมาย
ภายใต้การทำงานของเซีย เคทเองได้พบว่าเธอได้มองเห็นสิ่งต่างๆเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยจินตนาการ สิ่งที่เธอกำลังอ่านในบทภาพยนตร์นั้นเคทจะต้องถ่ายทอดออกมาให้ผู้ชมได้สัมผัส โดยทุกครั้งที่เธอต้องเข้าฉากร้องเพลงหรือเต้นรำนั้น เธอพบว่ามันเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา บทในหนังเรื่อง Music เต็มไปด้วยความเข้มข้นและพูดถึงประเด็นของความรักและการไถ่โทษ ซึ่งตลอดการถ่ายทำนั้นเซียจะพูดเสมอว่า นี่พวกเรากำลังสร้างสรรค์งานศิลปะกันอยู่นะ
เคทยังมองว่าการที่เธอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้นั้นเปรียบเป็นเหมือนประสบการณ์ทางด้านดนตรี แต่ไม่ใช่เพียงดนตรีทั่วไป “ฉันคิดว่าสาเหตุที่ฉันได้รับเลือกให้เข้าร่วมแสดงใน“Almost Famous”เป็นเพราะที่ฉันคุยกับคาเมรอนเกี่ยวกับความรู้สึกของฉันที่มีต่อดนตรี เฉพาะบางผู้กำกับเท่านั้นที่จะมีความสามารถในการรู้จักดนตรีเพื่อเข้าใจว่าดนตรีสามารถยกระดับและเปลี่ยนแปลงภาพยนตร์ได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและคุณรู้สึกอย่างนั้นได้ในภาพยนตร์เรื่องนี้”
Music เข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์วันนี้