Things Heard & Seen เมื่อผีร้ายน่ากลัวน้อยกว่าชายคลั่งอำนาจ

Things Heard & Seen เมื่อผีร้ายน่ากลัวน้อยกว่าชายคลั่งอำนาจ

Things Heard & Seen เมื่อผีร้ายน่ากลัวน้อยกว่าชายคลั่งอำนาจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

Things Heard & Seen ถูกดัดแปลงมาจากวรรณกรรมระทึกขวัญชื่อ All Things Cease to Appear ผลงานการเขียนของเอลิซาเบธ บรันเอจ  กำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดย เชอรี่ สปริงเกอร์ เบอร์แมน และโรเบิร์ต พูชินี่ บอกเล่าเรื่องราวของคู่รักนักศิลปะอย่างแคทเธอรีน (อแมนด้า ไซย์ฟรีด) และจอร์จ (เจมส์ นอร์ตัน) ได้โยกย้ายสำมะโนครัวจากเมืองนิวยอร์กไปสู่ชนบทบ้านนาอันแสนเงียบสงบ เพราะจอร์จได้งานใหม่ที่มหาวิทยาลัยในฐานะอาจารย์ภาควิชาศิลปะ

จากอาชีพจิตรกร แคทเธอรีนได้กลายเป็นแม่บ้านแบบเต็มเวลา ประกอบกับความเป็นชนบทยิ่งทำให้เธอไม่มีกิจกรรมอะไรทำมากไปกว่าการจัดบ้าน เลี้ยงลูก และหาเวลาว่างไปนั่งวาดภาพที่ห้องใต้หลังคา แต่หลังจากเข้าพักอาศัยได้ไม่นานนัก ลูกสาวอย่างแฟรนนี่ (อนา โซเฟีย ฮีเจอร์) เริ่มเจอกับเหตุการณ์ประหลาดเช่นเงามืดปลายเตียง หรือไฟติดๆดับจนเธอขวัญเสียกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง

ความผิดปกติของบ้านหลังนี้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นจนแคทเธอรีนได้พบกับบันทึกบอกเล่าความเป็นมาของผู้ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้ รวมไปถึงการที่ตัวเธอเก็บแหวนประหลาดได้ภายในบ้าน ไม่นานนักเธอก็เริ่มเห็นเงาวูบไหวในแบบเดียวกับแฟรนนี่เคยเห็น เธอจึงพยายามคาดคั้นให้จอร์จเล่าความจริงของบ้านหลังนี้ แต่ก็ดูเหมือนฝ่ายชายจะมองเป็นเรื่องไร้สาระและความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มเกิดรอยร้าวทีละเล็ก

อาการจิตหลอนของแคทเธอรีนอาจจะมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการชอบรับประทานอาหารและไปล้วงคอเอาออก (โรคบูลีเมีย) มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนจอร์จเองมองว่าเพราะอาการเรื้อรังเหล่านี้อาจจะส่งผลให้แคทเธอรีนสุขภาพจิตแย่ลง และเมื่อจอร์จมองว่าภรรยาของเธออยู่ในสภาพจิตใจแปรปรวน เขาเลยเลือกจะแอบไปหลับนอนกับวัยรุ่นสาวท้องถิ่น จากครั้งแรกดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่นานวันเข้าไปจอร์จเองก็เริ่มถลำลึกขึ้นไปทุกที

 

 - ต่อจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง  –

 

อันที่จริงหนังเลือกจะเปิดฉากแรกบนจอด้วยการหยิบประโยคของเอ็มมานูเอล สวีเดนบอร์ก “ผมประกาศได้ว่า สิ่งที่อยู่บนสรวงสวรรค์นั้นเป็นจริง ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก” มาบอกใบ้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในหนัง จากนั้นภาพวาดที่ถ่ายทอดทัศนียภาพซึ่งอนุมานได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับสวรรค์ ได้ถูกฉายผ่านสไลด์โปรเจ็คเตอร์ ก่อนจะกลายเป็นภาพวิวทิวทัศน์ในโลกแห่งความจริงในช่วงฤดูหนาวปี 1980 ซึ่งเป็นฉากหลังของเหตุการณ์ในหนังทั้งหมด โดยจอร์จได้ขับรถกลับมาที่บ้านก่อนที่เขาจะพบว่ามีหยดเลือดไหลลงมาจากห้องนอนและเปรอะเปื้อนรถของเขาเต็มไปหมด

จากนั้นหนังก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ย้อนกลับไปว่า ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้กันแน่ อันที่จริงแล้วหนังถูกเล่าผ่านสายตาของแคทเธอรีนว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆรอบตัวอย่างไรบ้าง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยจะมีความสุขนักกับบ้านหลังใหม่ ก่อนที่เหตุการณ์ประหลาดจะเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวแคทเธอรีนเองกลับไม่ได้รู้สึกวิตกจริตและเสียสติในแบบที่ตัวละครในหนังบ้านผีสิงเรื่องอื่นๆมักจะเป็นกัน แต่เธอกลับพยายามค้นหาคำตอบในฐานะของ “ลูกบ้าน” ที่พยายามทำความรู้จักกับอดีตของสถานที่แห่งนี้ให้มากขึ้นและพยายามจะ “อยู่ร่วม” กับผีให้ได้มากที่สุด

เมื่อหนังเปิดเผยความจริงที่ว่าการปรากฏตัวของวิญญาณในหนังเรื่องนี้ “เธอ” มาเพื่อจะบอกอะไรบางอย่างให้กับแคทเธอรีนได้รู้ความจริงของคนใกล้ตัว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล คนๆนั้นก็คือจอร์จสามีของเธอเองที่เก็บงำความลับมากมาย จนตัวแคทเธอรีนเองก็อาจจะคิดไม่ถึงว่าคนที่ร่วมหมอนหลับนอนกันจนมีลูกด้วยกันจะเป็นคนที่เธออาจจะไม่เคยรู้จักเขาอย่างแท้จริงเลยก็ได้

จะเห็นได้ว่าเมื่อหนังพยายามย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของครอบครัวสมิท เจ้าของบ้านหลังที่เธออาศัยอยู่นั้น เธอได้ค้นพบความจริงที่ว่า “ผู้หญิง” ในบ้านหลังนี้ล้วนแล้วแต่กลายเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่ถูกกระทำโดยสามีของตัวเองมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น และสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างก็เปรียบเสมือนภาพซ้ำ ที่เปลี่ยนตัวละครไปเรื่อย แต่แก่นแท้ของสาเหตุนั้นกลับเป็นเรื่องเดิมๆ

หนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของ Things Heard & Seen คือฉากที่ฟลอยด์ (เอฟ มัวเรย์ เอบราห์ม) หัวหน้าภาควิชาศิลปะประจำมหาวิทยาลัย ได้เดินทางมากินข้าวที่บ้านของจอร์จ พร้อมกับเจอแคทเธอรีนที่กำลังอ่านหนังสือของฟลอยด์ที่กำลังอ่านหนังสือ From Things Heard & Seen ซึ่งว่าด้วยการเดินทางของวิญญาณไปสู่โลกแห่งความตาย หลังจากที่แคทเธอรีนได้พาฟลอยด์ไปเดินชมบ้าน เขาก็ได้เห็นแสงทองประหลาด ก่อนที่เขาจะถามแคทเธอรีนว่าพวกเราไม่ได้อยู่กันตามลำพังใช่ไหม เมื่อฟลอยด์มองตาแคทเธอรีน ทุกอย่างในใจของเธอก็พรั่งพรูออกมา ราวกับเธอได้พบกับใครสักคนที่สามารถจะเข้าใจเธอเสียที

น่าเสียดายที่เมื่อทุกอย่างเริ่มดำเนินไปสู่จุดพลิกผันนั้น Things Heard & Seen เลือกที่จะบอกคนดูว่าบางครั้งชัยชนะของการพิสูจน์ความจริงนั้น อาจจะต้องยอมแลกกับชีวิตของใครสักคน เพียงเพื่อจะให้ความชั่วร้ายของชายสักคนเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม แต่ในอีกนัยหนึ่งมันก็กลับสะท้อนความจริงที่สอดรับกับสถานการณ์ในบางประเทศอย่างน่าประหลาดเช่นกัน

Things Heard & Seen อาจจะไม่ใช่หนังที่องค์ประกอบโดยรวมออกมาลงตัว แต่เมื่อพิจารณาสิ่งที่หนังต้องการจะนำเสนอแล้ว มันก็ไกลห่างจากคำว่าห่วยแตกอยู่ลิบลับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook