รีวิว The Craft: Legacy แม่มดสายแหว๋วกับประเด็นสังคมสุดเบาบาง
หลังจากลงสตรีมมิ่งใน Netflix ไปเมื่อประมาณสัปดาห์ก่อน โดยหนังภาคนี้อาจจะไม่ใช่การเชื่อมโยงโดยตรงกับหนังภาคแรก ซึ่งผู้ชมไม่จำเป็นต้องดูเวอร์ชั่นปี 1996 ก็ยังจะสามารถเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น
สำหรับ The Craft: Legacy บอกเล่าเรื่องราวของลิลลี่ (เคลี สแปนี) เด็กสาววัยรุ่นที่ต้องโยกย้ายบ้านตามเฮเลน (มิเชล โมนาแฮน) ไปยังครอบครัวใหม่ คือบ้านของอดัม (เดวิด ดูคอฟนี) ชายวัยกลางคนผู้ประกอบอาชีพเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะในหัวข้อ “ความแข็งแกร่งของเพศชาย” แถมบรรดาลูกชายของอดัมก็ดูจะไม่ได้ปลื้มกับการมาถึงของลิลลี่และเฮเลนสักเท่าไหร่
เมื่อต้องปรับตัวลิลลี่ต้องเข้าเรียนในไฮสคูลแห่งใหม่ เธอต้องเผชิญกับการกลายเป็นเป้าสายตา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับการย่างเข้าวัยสาวเป็นครั้งแรกด้วยการที่ ประจำเดือนไหลกลางห้องเรียนจนโดนทิมมี่ (นิโคลัส แกลิตซีน) ล้อเลียนกลางห้อง จนลิลลี่อับอายและวิ่งไปร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ อย่างก็ตามดูเหมือนจะมีเด็กสาว 3 คนอันประกอบไปด้วย ลอร์เดส (โซอี้ ลูน่า) แท็บบี้ (โลวซี ซีโมน) และแฟรงกี้ (กิเดียน แอลอน) ที่จะเห็นอกเห็นใจ และพยายามจะช่วยเหลือลิลลี่
ไม่นานนักลิลลี่ก็ค้นพบความจริงว่าตัวของเธอมีพลังพิเศษ อันเป็นพลังอำนาจของแม่มด และลิลลี่ยังเป็นสมาชิกคนที่ 4 ของกลุ่มแม่มดอีกต่างหาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังคือการพาคนดูไปรู้จัก การใช้พลังวิเศษของลิลลี่ การเรียนรู้วิถีของการเป็นแม่มดมือใหม่ รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผองเพื่อนสาวด้วยกันเอง
น่าเสียดายที่หนังอยากจะพูดเรื่องสังคมผู้ชายเป็นใหญ่และคุกคาม บูลลี่ และสร้างความเกลียดชัง แต่ดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้จะพยายามทำแค่แตะๆให้เป็นประเด็น โดยที่ไม่ลงลึก ให้ความสำคัญในเชิงละเอียดอ่อน จนนำมาสู่คำถามที่ว่าตกลงแล้ว ทีมงาน คนเขียนบทเข้าใจในสิ่งเหล่านี้มากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการ เปลี่ยนตัวละครชายในเรื่องให้ค้นพบกับความเปลี่ยนแปลงทางเพศวิถีในวัยรุ่น คุณพ่อที่ปลูกฝังแนวคิดปิตาธิปไตยแบบสุดโต่งให้กับลูกๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วหนังก็ไม่ได้นำพาไปสู่การคลี่คลายคำตอบเหล่านี้ และนำไปสู่ฉากไคลแม็กซ์ที่น่าจะอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า “อิหยังวะ” ในรอบหลายๆปี
ท้ายที่สุดแล้วความล้มเหลวของ The Craft: Legacy ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือคำวิจารณ์ก็น่าจะพอการันตีได้เลยว่า คงไม่น่าจะมีการขยายจักรวาลภาคต่อของแฟรนไชส์นี้ในไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน