รีวิว The Woman in the Window หยุดได้ไหม นิสัยขี้ส่อง
แอนนา ฟ็อกซ์ (เอมี่ อดัมส์) นักจิตวิทยาเด็กที่ไม่ได้ออกจากบ้าน เพราะเธอมีอาการหวาดกลัวผู้คนเยอะๆจนต้องทานยาระงับอาการเป็นประจำ แต่อาการที่ดูจะกำเริบจนเธอมีอาการหลอนบ่อยครั้งเริ่มส่งผลกระทบกับชีวิตของตัวเอง แอนนาพักอาศัยคนเดียวแต่เธอแบ่งชั้นใต้ดินให้กับเดวิด (ไวแอตต์ รัสเซล) เช่าอยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตามเธอมักจะแอบส่องเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามแก้เบื่อ จนกระทั่งวันหนึ่งอีธาน (เฟรด เฮคชิงเจอร์) ลูกชายของอาลิสแตร์ รัสเซล (แกรี่ โอลด์แมน) ได้ข้ามมาปรึกษาปัญหาชีวิตกับเธอ
เมื่อแอนนาเริ่มรู้สึกได้ว่าบ้านฝั่งตรงข้ามน่าจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง อีธานเริ่มใช้ความรุนแรงในครอบครัว เธอจึงพยายามตามส่องพฤติกรรมของบ้านฝั่งตรงข้าม วันหนึ่งเจน (จูลีแอนน์ มัวร์) ได้ข้ามมาคุยกับแอนนาอย่างถูกโฉลก ทั้งสองดูเหมือนจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานนักเธอกลับบ้านไป ตกดึกวันหนึ่งเมื่อแอนนามองผ่านหน้าต่าง เธอพบว่าได้เกิดเหตุฆาตกรรมกับเจน แต่เมื่อเธอโทรแจ้งตำรวจ กลับไม่พบหลักฐานว่าเกิดเหตุฆาตกรรมที่บ้านตรงข้าม หนำซ้ำเจน (เจนิเฟอร์ เจสัน ลีห์) ภรรยาตัวจริงของอาลิสแตร์ยืนยันว่าเธอไม่เคยพบกับเธอ ด้วยอาการที่น่าสงสัยของตัวแอนนาเอง จึงทำให้คนดูได้แต่อนุมานว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับแอนนาน่าจะเป็นอาการประสาทหลอน
แม้ว่าหนังจะได้อิทธิพลจากผลงานในระดับตำนานของอัลเฟรด ฮิตช์ค็อกเรื่อง Rear Window (1954) มาแบบเต็มๆ ที่ว่าด้วยตากล้องหนุ่มขาหักที่แก้เบื่อเนื่องจากต้องติดอยู่ในอพาร์ตเมนต์ด้วยการเอากล้องส่องทางไกลแอบส่องเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม จนกระทั่งวันหนึ่งบ้านที่เขากำลังแอบมองน่าจะเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นก่อนนำไปสู่ความระทึกขวัญสุดขั้ว
น่าเสียดายที่ The Woman in the window พยายามเอาวิธีการแบบใน Rear Window มาใช้พร้อมทั้งพ่วงสไตล์การกำกับภาพยนตร์แบบละครเวที แต่น่าเสียดายที่ชั้นเชิงของหนังเรื่องนี้กลับไม่มีอะไรน่าสนใจ คาดเดาได้ง่าย คนดูเคยผ่านตามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนกว่าช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบงานสร้างที่ดูเนี้ยบ การจัดแสงที่งดงาม หรือวิธีการบอกใบ้เบาะแสตลอดทาง กลายเป็นวิธีคิดแบบชั้นเดียวที่คนดูร้องอ๋อได้ทันทีว่าผู้กำกับจะต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม ยิ่งทำให้ “กลลวง” ของหนังดูแห้งแล้งมากยิ่งขึ้น
ขนาดการแสดงของเอมี่ อดัมส์ยังไม่สามารถดึงความสนใจของผู้ชมได้นัก ยิ่งการันตีได้ว่า บางครั้งเมื่อองค์ประกอบโดยรวมของหนังไม่ลงตัว ก็ทำให้หนังสักเรื่องกลายเป็นงานที่น่าเบื่อเลยก็ว่าได้