จาก Crossroads สู่ #FREEBRITNEY เด็กสาวมหัศจรรย์ที่ติดอยู่ในกรงขังมานับสิบปี

จาก Crossroads สู่ #FREEBRITNEY เด็กสาวมหัศจรรย์ที่ติดอยู่ในกรงขังมานับสิบปี

จาก Crossroads สู่ #FREEBRITNEY เด็กสาวมหัศจรรย์ที่ติดอยู่ในกรงขังมานับสิบปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ถ้าหากคุณเติบโตทันในยุค Y2K หรือปี 2000 ไม่มีใครไม่รู้จักศิลปิน นักร้อง เอนเตอร์เทนเนอร์ หรือไม่ว่าเราจะนิยามผู้หญิงที่ชื่อ “บริทนีย์ สเปียร์” ว่าอะไรก็ตามแต่ เธอคืออินฟลูเอนเซอร์คนสำคัญของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ความดังในระดับโลกมาพร้อมกับอัลบั้ม Britney และเพลง I’m a slave 4 U ขึ้นชาร์ตเพลงทั่วโลกอย่างพร้อมเพรียง ยังไม่รวมไปถึงเพลงอื่นๆในอัลบั้มนี้ที่โด่งดังไม่แพ้กัน จนบริทนีย์ได้คว้าตำแหน่งพรีเซนเตอร์ของแบรนด์น้ำอัดลมเจ้าดังอย่าง Pepsi รวมไปถึงรถยนต์ Toyota Soluna Vios

จนกระทั่งในปี 2002 ผลงานการแสดงภาพยนตร์ในฐานะ “นางเอก” ครั้งแรกและน่าจะเป็นครั้งเดียวจวบจนถึงทุกวันนี้ กับบทบาทลูซี่ สาวบ้านนอกช่างฝันผู้กำลังอยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตว่าตกลงแล้วเธอควรจะตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้าคณะแพทย์ในอนาคต หรือว่าจะเลือกเส้นทางชีวิตไปในทิศทางไหนดี

หวนย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ลูซี่ยังเป็นเด็ก เธอมีความผูกพันใกล้ชิดกับเพื่อนสาวอีกสองคนอย่างคิต (โซอี้ ซัลดานา) และมีมี่ (ทาริน แมนนิ่ง) ทำให้สามสาวไปร่วมกันฝังกล่องแห่งความทรงจำเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ และให้คำสัญญาว่าเมื่อพวกเธอเรียนจบไฮสคูล สามสาวจะมาขุดกล่องความทรงจำนี้ด้วยกันอีกครั้ง

แน่นอนว่าเมื่อกาลเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนแปลงไป เด็กสาวทั้งสามได้เติบโตเป็นวัยรุ่นที่วิถีชีวิตจะแตกต่างกันและไม่สนิทกันเหมือนเคย แต่สิ่งหนึ่งที่คนดูได้รับรู้เกี่ยวกับตัวละครลูซี่คือ เธอเป็นแฟนเพลงของมาดอนน่าตัวยง เพราะลูซี่มีความสุขมากไปกับการรองรำทำเพลง Open Your Heart พร้อมกับอวดหุ่นสุดเซี๊ยะไปพร้อมกับชุดชั้นในตัวจิ๋ว

ในยุคสมัยดังกล่าว การเป็นผู้หญิงบลอนด์ หน้าตาสะสวย หุ่นเซ็กซี่ ดูเหมือนเป็นภาพเหมารวม (Stereotype) ของผู้หญิงที่ไม่มีสมอง ดังนั้นหลังจากที่ Crossroads ออกฉาย การที่ลูซี่เป็นตัวละครเด็กสาวบ้านนอก หัวดีและกำลังจะสอบเรียนต่อในคณะแพทย์จึงกลายเป็นคำวิจารณ์อันแสนสนุกปากว่า ช่างเป็นตัวละครที่ย้อนแย้งกับความเป็นจริงเอาเสียเหลือเกิน เมื่อเรามองย้อนกลับไปเราจะพบว่าแนวคิดจึงนำมาสู่คำถามที่ว่า การเป็นผู้หญิงสวยต้องไม่มีสมองเท่านั้นหรือ?

ตัวละครลูซียังโดนเอาไปซ้อนทับกับภาพของ “บริทนีย์” อยู่ตลอดเวลา ทำให้คนดูในช่วงเวลานั้นไม่อาจจะแยกภาพระหว่างตัวละครกับชีวิตจริงของเธอได้เลย อีกหนึ่งฉากที่โดนครหากันอย่างหนักคือฉากการทดลองมี “เซ็กส์” ครั้งแรกของตัวละครลูซีกับเฮนรี (จัสติน ลอง) เพื่อนชายคนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน แต่ก็กลายเป็นเซ็กส์ล่มความสนิทสนมฉันท์เพื่อนไม่ก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศแต่อย่างใด ด้วยภาพลักษณ์ในการเป็นศิลปินของบริทนีย์ ประกอบช่วงเวลานั้นเธอออกอัลบั้ม Britney ซึ่งเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ เพลงและเนื้อหาในอัลบั้มนั้นของเธอโตเป็นสาวสะพรั่ง เซ็กซี่ ประกอบกับมิวสิควิดีโออย่าง I’m a slave 4 U ทำให้คนลืมภาพสาวน้อยในยุค Baby one more time ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนดูไม่สามารถสลัดภาพสาวเซ็กซี่ทิ้งไปได้และอาจจะไม่เชื่อในการแสดงของบริทนีย์ (ทั้งที่จริงเธอสามารถแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติเอามากๆเช่นกัน)

หลังจากที่ตัวละครลูซี่ได้ไปร่วมเปิดกล่องความทรงจำกับเพื่อนสาว เธอจึงตัดสินใจว่า เธอจะร่วมเดินทางแบบโร้ดทริป เพราะมีมี่ตั้งใจจะไปออดิชั่นเป็นนักร้อง ส่วนลูซี่ตั้งใจจะติดรถไปเพื่อแวะไปหาแม่ (คิม แคทรอล) ผู้แยกทางไปมีครอบครัวใหม่เมื่อนานมาแล้วโดยแอบพ่อของเธอไปอย่างเงียบๆ

แน่นอนว่าระหว่างเส้นทางสามสาวได้กลับมาประสานรอยร้าว ทำความเข้าใจ เรียนรู้ชีวิตภายใต้การเดินทางไปกับหนุ่มเบน (แอรอน เมาท์) เจ้าของรถสุดฮอตแบบหนุ่มบ้านนาสุดล่ำมีรอยสัก ซึ่งยิ่งใกล้ชิดสนิทสนมแค่ไหนลูซี่ก็เริ่มมีใจให้กับหนุ่มเบนมากขึ้นเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อลูซี่ได้พบกับแม่ เธอค้นพบความจริงอันแสนเจ็บปวดว่า แม่ของเธอไม่ได้ต้องการจะเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอจึงเข้าใจว่าทำไมพ่อของเธอจึงไม่อยากจะให้ลูซี่มาพบกับความจริงดังกล่าว

ขณะที่มีมี่ที่ตั้งท้องและอยากจะมาออดิชั่นเป็นนักร้อง แต่เป้าประสงค์ที่แอบแฝงของเธอคือการมาเจอกับแฟนเก่า (พ่อของเด็กในท้อง) แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นว่า พ่อของเด็กก็ไม่ต้องการจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น และอุบัติเหตุการพลัดตกบันไดของมีมี่ก็นำมาสู่ความสูญเสียเกินคาดคิด และทำให้ลูซี่ต้องไปออดิชั่นเป็นนักร้องไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

เมื่อเราย้อนกลับไปดูการแสดงของบริทนีย์ สเปียร์ใน Crossroads เราจะพบว่าตลอดทั้งเรื่อง เธอแสดงเป็นเด็กสาวตาแป๋วที่ยังไม่ประสีประสาต่อโลกใบนี้ได้อย่างน่าสนใจ ทั้งที่ในห้วงเวลานั้นเธอคือป๊อปสตาร์ระดับโลก ในทุกครั้งที่เธอขึ้นเวที บริทนีย์สามารถสะกดผู้ชมได้ราวกับมีเวทมนตร์ ดังนั้นเมื่อผู้ชมไม่อาจจะสลัดภาพจำของเธอทิ้งได้ ตัวละครลูซี่ในหนังเรื่องนี้จึงถูกประเมินค่า และตีตราตัวละครนี้อย่างไร้ความเป็นธรรม ปราศจากความเข้าใจอย่างสิ้นเชิง จนหนังเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Razzie Award ในปี 2003 ไปถึง 8 รางวัล ก่อนที่จะได้รับคะแนนโหวตชนะมาในสาขานักแสดงนำหญิงยอดแย่ “บริทนีย์ สเปียร์” ร่วมกับ “มาดอนน่า” จาก Swept Away พร้อมควบรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดแย่ I'm Not a Girl, Not Yet a Woman ทั้งที่ใครๆก็รู้ว่าเพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงช้าที่แฟนเพลงบริทนีย์ ยังคงเปิดฟังซ้ำมากที่สุดนับตั้งแต่เพลงถูกปล่อยออกมาจวบจนถึงทุกวันนี้

จากวันที่ Crossroads ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปี 2021 กินเวลาทั้งสิ้น 19 ปี และในวันนี้เป็นวันที่บริทนีย์ได้ขึ้นศาลเพื่อให้การกับกรณี Conservatorship จน #FreeBritney ขึ้นเทรนด์ใน Twitter อันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว ได้ทำให้เราเห็นว่า เด็กสาวที่ชื่อบริทนีย์ ยังคงอยู่กับเรามาโดยตลอด เพียงแค่เธอโดนสิ่งรอบตัวทำร้าย มาตลอดชีวิตการทำงานของเธอ แต่เธอก็ยังคงต่อสู้ ยืนหยัด และไม่เคยยอมแพ้มาโดยตลอด จวบจนวินาทีนี้

กว่าที่ความจริงของเธอจะปรากฏออกมา ทุกอย่างก็ใช้เวลา การถูกประเมินค่าในช่วงเวลาหนึ่งอาจจะถูกหักล้างในเวลาต่อมา ในวันนี้เราได้เห็นแล้วว่าผู้หญิงที่ชื่อบริทนีย์ สเปียร์ เธอเป็นมากกว่าแค่ไอคอนของยุคสมัย แต่เธอยังเป็นที่รักของแฟนเพลงทั่วโลก และถึงเวลาแล้วที่เธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในฐานะของมนุษย์คนหนึ่งเสียที

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ จาก Crossroads สู่ #FREEBRITNEY เด็กสาวมหัศจรรย์ที่ติดอยู่ในกรงขังมานับสิบปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook