แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เมื่อเราเติบโตขึ้น เงื่อนไขในชีวิตของเราก็ไม่เหมือนกัน

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เมื่อเราเติบโตขึ้น เงื่อนไขในชีวิตของเราก็ไม่เหมือนกัน

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เมื่อเราเติบโตขึ้น เงื่อนไขในชีวิตของเราก็ไม่เหมือนกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หากหวนกลับไปมอง แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 1 ซึ่งดำเนินเรื่องในห้วงเวลาในช่วงชั้นมัธยมปีสุดท้ายเป็นหลัก ระหว่างที่ตัวละครกำลังค้นหาตัวเองว่าพวกเขา “เป็นอะไร” และ “รู้สึกอะไร” กับคนรอบข้าง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานที่อันเป็นฉากหลังอย่างภูเก็ต คือพื้นที่ปลอดภัยและตัวละครอย่าง เต๋ (บิวกิ้น พุฒิพงศ์) และ โอ้เอ๋ว (พีพี กฤษฏ์) คุ้นเคยและเติบโตใช้ชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน เมื่อพวกเขาสามารถสอบติดในมหาวิทยาลัยในฝันของตัวเองที่กรุงเทพฯ ทั้งสองก็ต้องเดินทางออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยและก้าวออกไปเผชิญชีวิตครั้งใหม่ พบเจอกับเพื่อนใหม่ๆและแน่นอนบททดสอบชีวิตครั้งใหม่

เต๋และโอ้เอ๋วยังคงจับมือกันอย่างเหนียวแน่นเมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงมหานครของประเทศไทย ช่วงเวลาปีหนึ่งพวกเขายังคงตื่นเต้น และปรับตัวท่ามกลางสภาพแวดล้อมใหม่ ที่ห้อมล้อมไปด้วยสังคมเมืองอันแสนวุ่นวาย พวกเขายังคงมีฝันอันใหญ่ในการจะไปเป็นนักแสดง การออกมาใช้ชีวิตแบบหอพัก การได้นอนด้วยกัน แม้ว่าจะต้องทำกิจกรรมประจำคณะจนไม่มีเวลา แต่ดูเหมือนทั้งสองจะประคับประคองความสัมพันธ์ให้ผ่านพ้นไปได้ เพราะ “นาฬิกาชีวิต” ที่ต่างกัน ทำให้โอ้เอ๋ว เรียนรู้ โศกเศร้า และเข้าใจว่า เขาไม่สามารถยึดเวลาชีวิตของเต๋ มาเป็นหลักในชีวิตได้อีกแล้ว

ช่วงชีวิตปีสองเมื่อ ทั้งสองคนต้องสอบเข้าภาควิชาที่ตัวเองอยากจะเรียนรู้ แน่นอนว่าพวกเขาตั้งใจจะเอาดีด้านการแสดง แต่ฝั่งโอ้เอ๋วเมื่อได้เรียนวิชาการละครเบื้องต้น เขาก็เริ่มสัมผัสได้ว่าบางทีการแสดงและการทำความเข้าใจตัวละครนั้นไม่ใช่หนทางที่เขาถนัดเอาเสียเลย ยิ่งการไปทดลองสนามจริงอย่างการแคสติ้งบทโฆษณายิ่งทำให้เขารู้ว่า ตัวเองคงไปไม่รอดกับศาสตร์แขนงนี้ และถ้าเขาเบนเข็มไปทางเอกโฆษณา ดูเหมือนว่าจะมีความสุขและไปได้สวยกว่าหลายขุม จุดเปลี่ยนดังกล่าวนี้เองที่ทำให้เต๋เองเริ่มมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของคนรักอย่างโอ้เอ๋วและเริ่มตั้งคำถามกับ “จุดยืน” ของชีวิตคนเรา

ไม่เพียงเท่านั้นอีกหนึ่งตัวละครที่สร้างจุดเปลี่ยนทางความรู้สึกอย่างยิ่งใหญ่คือ พี่ขิม (ก้อย-อรัชพร โภคินภากร) รุ่นที่ที่ความสามารถทางการแสดงรอบตัว ทัศนคติเป็นเลิศ แต่เธอก็ไม่เคยจะออดิชั่นได้บทที่เธอฝันเลยสักครั้ง ด้วยบุคลิก รูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่เคยตรงโจทย์สิ่งที่บรรดาผู้กำกับมองหาเลยสักครั้ง ความฝันอันสูงสุดของเธอจึงต้องเปลี่ยนไปในวันที่เธอกำลังเรียนจบ พี่ขิมต้องผันตัวไปเป็นแอร์โฮสเตส เพราะเธอเชื่อว่าการได้ไปทำงานในอาชีพนั้น อย่างน้อยเธอก็อาจจะยังพอเจียดเวลามาทำอีกความฝันได้เป็นครั้งคราว มีรายได้ที่มั่นคงเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ แต่เต๋ที่ยึดมั่นและเชื่อมาตลอดว่าทำไมคนที่เขาเทิดทูนบูชา ต้องกลืนน้ำลายตัวเองและเปลี่ยนไป เขารู้สึกว่ากำลังโดนหักหลัง แต่ในขณะที่พี่ขิมมอง (และสอน) เต๋ในทีว่า “เงื่อนไขชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน” ได้ทำให้เต๋เริ่มมองชีวิตเปลี่ยนแปลงไปกว่าที่เคย

ช่วงเวลาปี 3 เต๋เองกำลังจะต้องแสดงเป็นพระเอกในละครทีสิสของพี่ไจ๋ (โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) การแสดงอารมณ์ขุดลงไปในห้วงความปรารถนาตามบทนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะดูเหมือนตัวเต๋เองจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวละครเป็น ประกอบกับยิ่งใช้เวลาคลุกคลีกับพี่ไจ๋นานเท่าไหร่ เขากลับยิ่งเริ่มเกิดความรู้สึกมีใจให้กับรุ่นพี่คนนี้ทีละเล็กทีละน้อย แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เมื่อเขา “ลอง” รุกคืบในแบบฝึกหัดขอสัมผัสร่างกายและเลยเถิดไปถึงการจูบอย่างดูดดื่ม โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ โอ้เอ๋วมองเห็น สัมผัสได้มาโดยตลอด รวมถึงตั้งคำถามในความสัมพันธ์ของพวกเขาว่าจะหาทางออกกันยังไงต่อ

ท้ายที่สุดการเข้าใจในตัวละครของเต๋ จนละครทีสิสสำเร็จลุล่วงและปิดโปรละครอย่างชื่นมื่น เต๋ต้องแลกมาด้วยความสัมพันธ์ที่สะบั้นลงระหว่างเขาและโอ้เอ๋ว เมื่อโอ้เอ๋วจับได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเต๋เองก็แอบ “นอกใจ” โอ้เอ๋ว แล้วปันใจให้กับพี่ไจ๋มาตลอด เหตุการณ์นี้ทำให้โอ้เอ๋วเลือกจะบอกเลิกและตัดใจจากเต๋ อย่างถาวรโดยไม่ติดต่อกันอีกเลย แต่โอ้เอ๋วเองยังแอบเฝ้ามองเต๋อยู่ห่างๆเป็นครั้งคราว ช่วงเวลาในชั้นปีที่ 4 ทั้งสองคนต่างเติบโตและไปได้สวยในเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดิน เต๋ ได้กลายเป็นดาราดังอย่างที่เขาฝัน ส่วนโอ้เอ๋ว ฉายความสามารถในชั้นเรียนจนทำให้ครูประจำภาควิชาทาบทามไปทำงานในเอเจนซี่โฆษณาในตำแหน่งแพลนเนอร์

จนกระทั่งวันหนึ่งเต๋ได้กลับมาพบกับโอ้เอ๋วอีกครั้ง แม้ทั้งสองจะไมได้ปรับความเข้าใจกันมากมาย แต่ด้วยอารมณ์ “คนเคยรัก” ทั้งสองจึงได้มีโอกาสได้รื้อฟื้นความทรงจำดีๆกลับมา ประกอบกับเต๋ที่กำลังจะส่งทีสิส เขาเลยขอไอเดียจากโอ้เอ๋วไปพัฒนางานของตัวเอง แต่กลายเป็นว่าผลงานละครเวทีที่เขาเอาหยงเจี้ยน ตัวละครในวัยเด็ก กลับมาแสดงนั้น กลายเป็นจดหมายบอกรักที่เขาอยากจะทำให้โอ้เอ๋วรู้ว่าเขาไม่เคยลืม “รักครั้งแรก” ของเขาไปได้เลย

จะเห็นได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลอด Part 2 นั้นดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ภายในทั้ง 5 ตอนเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางความคิด อารมณ์ของตัวละคร ชนิดก้าวกระโดด พวกเขาไม่ใช่เด็กน้อยสองคนอีกต่อไป พวกเขาต้องเรียนรู้ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า สับสน พยายามหาหนทางออกให้กับชีวิตว่าพวกเขาควรจะก้าวต่อไปในทิศทางไหน จะรับมือกับตัวเองและความสัมพันธ์อย่างไรดี หลายครั้งที่ทั้งสองมืดบอดและสิ้นหวัง แต่ท้ายที่สุดแล้ววงโคจรของโลกใบนี้ก็เหวี่ยงให้เต๋และโอ้เอ๋วกลับมาเจอกันอยู่ดี

แม้ว่าบทสรุปของเรื่องราวครั้งนี้ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 อาจจะทำให้คนดูรู้สึก “กลายเป็นหมา” อยู่รอมร่อ แต่ดูเหมือน คนดูก็เต็มใจที่จะได้เห็นความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองคนนี้กลับมารักกันในวินาทีสุดท้าย แม้กองแช่งอาจจะแอบสาปส่งอยู่ไกลๆ ก็ตามที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook