[เปิด Disney+ มารีวิว] Life-Size 2 จินตนาการครั้งใหม่ของบาร์บี้ลุกขั้นมามีชีวิต
Life-Size คือหนังโฮมวิดีโอในความทรงจำของใครหลายคน มันบอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวผู้สูญเสียแม่ไป อย่างแคสซี่ (ลินด์เซย์ โลแฮน) เธอจึงพยายามร่ายคาถาจากคัมภีร์โบราณเพื่อชุบชีวิตแม่ แต่กลายเป็นว่าคาถานั้นได้ฟื้นชีวิตให้กับตุ๊กตาบาร์บี้ในชื่อ “อีฟ” ให้ลุกขึ้นมามีชีวิต โดยเรื่องราวมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นระหว่างเด็กสาวและตุ๊กตานั้นกลายเป็นความประทับใจที่ลืมไม่ลง
จากหนังภาคแรกในปี 2000 ทิ้งช่วงเวลากว่า 18 ปี เมื่อ ไทรา แบงส์ กลับมารับบทบาทเดิมอีกครั้งในฐานะตุ๊กตาอีฟ ที่คืนชีฟอีกครั้งหลังจากเกรซ แมนนิ่ง (ฟรานเซีย ไรซา) ได้ร่ายคาถาจากคัมภีร์โบราณแบบไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างนั้นเองเกรซที่ต้องมารับช่วงต่อในการบริหารบริษัทของเล่น ซึ่งแม่ของเธออย่างเอเลเนอร์ต้องจำคุกเนื่องจากคดีความเรื่องฉ้อโกง
สืบเนื่องจากเกรซเองเติบโตมาในฐานะลูกสาวของเจ้าของธุรกิจของเล่นระดับชาติ และขาดความอบอุ่นจากแม่ เธอจึงขาดความศรัทธาในธุรกิจที่แม่สร้างมา ดังนั้นเมื่อเธอต้องนั่งแท่นเป็น CEO ต่อจากแม่ ในช่วงแรกเกรซจึงมองไม่เห็นความสำคัญในการสานต่อกิจการและปล่อยให้เหล่าบอร์ดบริหารทำหน้าที่ไปแบบปล่อยปะละเลย จนเกือบจะยกเลิกไลน์การผลิตตุ๊กตาอีฟ แต่โชคดีที่เธอยังหวนนึกถึงความทรงจำในวัยเด็กว่า เธอเคยมีช่วงเวลาดีๆกับตุ๊กตาของเล่นที่เป็น “เพื่อน” เพียงคนเดียวของเกรซ
จริงอยู่ที่หนังอย่าง Life-Size 2 ค่อนข้างเล่นประเด็นที่ใหญ่กว่าหนังภาคแรก ที่พูดแค่เพียงความสัมพันธ์ที่ขาดหายไประหว่างแม่และเด็กน้อย แต่หนังภาคนี้เลือกจะเล่าถึงตัวละครที่เติบโตขึ้นและสูญเสียจินตนาการ ความหวัง และความเชื่อมั่นไป การที่ของเล่นในวัยเด็กกลายร่างมามีชีวิตจึงเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยกะเทาะห้วงความทรงจำในวัยเยาว์กลับมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหนังภาคนี้ เมื่อมองในแง่ของความจริงจังในเชิงของการบริหารงานธุรกิจ หรือการนั่งแท่นเป็นผู้บริหาร แต่ตัวละครอย่างเกรซไม่ว่าจะดำรงในตำแหน่งไหน เธอก็ดูเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือในฐานะนักธุรกิจตั้งแต่ต้นจนจบในสายตาของผู้ชม แต่เมื่อบทเขียนมาให้เป็นเช่นนั้นเราก็คงต้องเชื่อตามโดยปราศจากข้อแม้ เพียงแต่ว่าถ้าเราจะมองว่าหนังเรื่องนี้เป็น “เวทมนตร์” ที่ปลอบประโลมใจผู้ชมเพียงชั่วครู่ชั่วยามว่า บางครั้งความหวังก็ไม่ต่างอะไรจากพรวิเศษ Life-Size 2 ก็พอจะทำให้เราหลบลี้จากโลกแห่งความจริงที่มีแต่เรื่อง “สิ้นหวัง” ทุกโมงยามได้ไม่เลวทีเดียว