The Falcon and the Winter Soldier เป็นทหาร "ได้อะไร" กว่าที่คิด

The Falcon and the Winter Soldier เป็นทหาร "ได้อะไร" กว่าที่คิด

The Falcon and the Winter Soldier เป็นทหาร "ได้อะไร" กว่าที่คิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีซีรีส์จาก MCU ที่ฉายเฉพาะทางสตรีมมิ่ง Disney+ (ในประเทศไทยคือ Disney+ Hotstar)  ตอนนี้มีฉายในแอพลิเคชั่นครบทั้งซีซั่นแล้วจำนวน 3 เรื่องด้วยกันประกอบไปด้วย WandaVision, The Falcon and the Winter Soldier และ Loki ซึ่งเป็นการขยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ ว่าเหตุการณ์หลังจากใน Avengers : Endgame มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน The Falcon and the Winter Soldier พูดถึงปี 2024 หลังจากที่กัปตันอเมริกาหรือสตีฟ โรเจอร์ส (คริส อีแวน) ที่ปลดระวางตัวเองเพื่อเกษียณอายุการทำงานและมอบโล่ประจำตัวให้กับแซม วิลสันเพื่อนสนิท หลังจากนั้นคำถามมากมายได้ก่อตัวขึ้นกับเขา ว่าตนเองนั้นคู่ควรกับการเป็นกัปตันอเมริกาคนต่อไปหรือไม่ เช่นเดียวกันกับบัคกี้ อดีตเพื่อนรักและคู่ปรับของสตีฟที่กำลังสับสนกับชีวิตของตัวเอง เรื่องเลวร้ายที่เขาเคยทำมาจนกลายเป็นตราบาปในชีวิต ระหว่างที่กำลังทบทวนชีวิตของตัวเอง พวกเขาต้องรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหม่จากเหตุการณ์ก่อการร้าย ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการทดลองเอาเซรุ่มซูเปอร์โซเยอร์กลับมาใช้อีกครั้ง จนอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ความสูญเสียครั้งใหม่ ทั้งสองตัวเอกจึงต้องร่วมมือกันเพื่อสืบหาต้นตนทั้งหมดและคลี่คลายปัญหาให้ลุล่วง

ถึง The Falcon and the Winter Soldier จะมาในหมวดซีรีส์แอ็คชั่น-สายลับ แนวปฏิบัติภารกิจ แต่เอาเข้าจริงสัดส่วนของฉากต่อสู้นั้น แทบจะเป็นส่วนน้อยเมื่อมองในแง่ของเรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวละคร แน่นอนมันอาจจะสร้างความเบื่อหน่ายให้กับสาวกเดนตายในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่โหยหาฉากเตะต่อย เข้าปะทะกัน ซึ่งจะว่าไปแล้ว ซีรีส์นี้กลับเปิดโอกาสให้เราทำความรู้จักตัวละครอย่างแซมว่า การเป็นซูเปอร์ฮีโร่ผิวสี คู่ควรที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งกัปตันอเมริกา ซึ่งเคยเชิดชูอุดมการณ์ รูปลักษณ์ชายชาติทหารอเมริกา ที่ต้องเป็นคนผิวขาวมาตลอดกว่าหลายทศวรรษ หรือไม่

นอกจากนี้เราจะเห็นได้ว่าความเป็น “เซเลบริตี้ คนดัง” ของแซมในฐานะของฟัลคอน ไม่ได้ช่วยเพิ่มเครดิตทางการเงินของพี่สาวอย่างซาร่าห์ (แอโดเพโร โอดูเย) ในการกู้เงินจากธนาคารเพื่อมาซ่อมบำรุงเรือหาปลา อันเป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบต่อกันมา และแซม ผู้ผันตัวเองไปเป็นทหารเมื่อนานมาแล้ว ไม่ได้มีเวลามาดูแล ปล่อยให้พี่สาวของตัวเองต้องแบกรับภาระดังกล่าวไว้กว่าค่อนชีวิต จนกลายเป็นความรู้สึกผิดติดค้างใจของแซมเอง

เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ตัวละครอย่างบัคกี้ ที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางความรู้สึกผิด หลังจากที่เขาเคยฆ่าอาร์เจ ตายในอดีต ส่งผลให้โยริ นากาจิม่าผู้เป็นพ่อจมอยู่กับความโศกเศร้าที่ไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า ลูกชายของตัวเองถูกใครฆ่าตายมาตลอดหลายปี

ปมทุกอย่างดำเนินควบคู่กันไปและยิ่งทวีความหนักหน่วงมากขึ้นเมื่อกองทัพอเมริกาตัดสินใจที่จะมอบตำแหน่งกัปตันอเมริกาคนใหม่ให้กับจอห์น วอล์คเกอร์ (ไวแอตต์ รัสเซล) อดีตนาวิกโยธินที่เข้าร่วมรบในสงครามที่ประเทศอัฟกานิสถาน โดยเขาได้รับเหรียญแห่งความกล้าหาญมาถึง 3 เหรียญ โดยการดำรงตำแหน่งนี้ เปรียบเสมือนการสร้างไอคอนคนใหม่ที่เป็นขวัญใจและเป็นที่ยึดเหนี่ยวในความมั่นคงของคนอเมริกาอย่างมีนัยยะสำคัญ

ทว่าตลอดทางในการปฏิบัติภารกิจค้นหาตัวผู้ก่อการร้าย เราจะได้เห็นว่าวิธีการรับมือกับปัญหาของจอห์น วอล์คเกอร์นั้น มีพฤติกรรมของการเสพย์ติดความรุนแรง วู่วาม อารมณ์ร้อน อันน่าจะเป็นผลพวงมาจากสงครามในอัฟกานิสถาน ซึ่งคนดูจะสัมผัสได้ตลอดเวลาว่า ชายคนนี้ไม่มีทางที่จะมา “แทนที่” สตีฟ โรเจอร์ได้ในทุกวิถีทาง

ในขณะเดียวกันแซม ในคราบของฟัลคอนที่รู้สึกมาตลอดชีวิตว่า การเกิดมาเป็นคนผิวสีในประเทศอเมริกานั้น มีสถานะเป็นรองคนผิวขาวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน หรือการให้เกียรติโดยคนรอบตัว แม้ว่าในโลกปัจจุบันการเปิดรับความหลากหลายทางเชื้อชาติจะกว้างขวางและเป็นที่ยอมรับมากกว่าเดิม แต่เขาก็ยังกังขากับความเชื่อดังกล่าวอยู่ดี มิหนำซ้ำเมื่อเขาได้ทราบว่าหัวหน้าผู้ก่อการร้ายอย่างแฟล็ก สแมชเชอร์หรือคาร์ลี (อีริน เคลลี่แมน) แท้ที่จริงแล้วเป็นแค่เด็กสาวัยรุ่นที่ถูกฉีดเซรุ่มซูเปอร์โซเยอร์เข้าไปในร่าง มิหนำซ้ำเธอยังไม่ได้รับการดูแลจากสังคม ภาครัฐจนถูกผลักออกมาเป็นคนชายขอบ ทำให้เธอมองเห็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข และต้องการจะสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมด้วยการก่อการร้าย

เมื่อแซมได้สัมผัสและทำความเข้าใจกับคาร์ลี แซมจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเด็กหญิงคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคนผิวสี ในยุคก่อนที่เป็นพลเมืองชั้นสองผู้ไม่เคยได้รับความสนใจใยดีจากรัฐบาล และปฏิบัติกับพวกเขาโดยปราศจากความเท่าเทียมจนนำมาซึ่งปัญหามากมาย วิธีการเชื่อมต่อของแซมกับคาร์ลีจึงไม่ใช่การปะทะกันด้วยกำลัง แต่เขาพยายามทำความเข้าใจว่าที่มาของปัญหานั้นคืออะไร และหนทางแก้ไขครั้งนี้ไม่ใช่แค่การใช้กำลังเพื่อให้ปัญหาจบลง แต่ต้องแก้ในเชิงนโยบายที่ภาครัฐบาลอเมริกาจะต้องเป็นคนช่วยเหลือเท่านั้น

กลับกลายเป็นว่าในภาพรวมของ The Falcon and the Winter Soldier แท้ที่จริงแล้วยังเป็นซีรีส์ที่ยังคงเส้นเรื่อง “การเมืองอเมริกา” ในหมวดนโยบายทางการทหารและการดูแลพลเมืองคนชายขอบ ได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังเผยให้เราเห็นอีกด้านของเหล่า “ชายชาติทหาร” ที่ดูเหมือนเท่ หล่อ ภายใต้ชุดหนังรัดรูป แต่ในจิตใจของพวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกมากมายที่อาจจะเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความทุกข์ จนเราต้องทบทวนวาทกรรมว่าเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิดใหม่ ว่าตกลงแล้ว สิ่งที่ “มากกว่า” นั้น เป็นเรื่องสิทธิพิเศษหรือปัญหาทางด้านจิตใจที่แย่ลงกันแน่?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook