[เปิด Netflix มารีวิว] A Classic Horror Story ลอกสูตรเชือด เดือดกว่านรก

[เปิด Netflix มารีวิว] A Classic Horror Story ลอกสูตรเชือด เดือดกว่านรก

[เปิด Netflix มารีวิว] A Classic Horror Story ลอกสูตรเชือด เดือดกว่านรก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญในภาพยนตร์

 

มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญในภาพยนตร์

A Classic Horror Story บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่เดินทางด้วยรถบ้าน แต่แล้วตกกลางคืนหลังจากที่คนขับหักหลบซากศพของกวางที่นอนตายอยู่กลางถนน ทำให้รถพุ่งชนกับต้นไม้และทำให้พวกเขาสลบไป เมื่อได้สติตื่นขึ้นมา สมาชิกบนรถพบว่าตัวเองมาอยู่ในที่โล่งกว้างกลางป่า เมื่อมองออกไปโดยรอบกลับไม่พบถนนใดๆเลย จนนำไปสู่ความงุนงงว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ไม่ไกลจากตัวรถมีบ้านรูปทรงแปลกประหลาดตั้งตระหง่านอยู่ เมื่อเข้าไปสำรวจพวกเขาได้พบกับภาพวาดที่แสดงถึงพิธีกรรมบูชายัญมนุษย์สุดสะพรึง

หลังจากผ่านค่ำคืนแรกไป มาร์ค (วิล เมอร์ริค) ถูกชายสามคนสวมหน้ากากแบบเดียวกับในภาพวาดจับตัวไปสังหารเพื่อควักลูกตาแบบเดียวกับเรื่องเล่าในตำนาน ส่งผลให้สมาชิกคนอื่นๆเริ่มตระหนักแล้วว่าเรื่องราวเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแบบเดียวกับตำนาน และพวกเขาต้องเอาชีวิตรอดให้พ้นไปจากขุมนรกบนดินนี้

เมื่อเราจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ การอธิบายบทสรุปของเรื่องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการนำมาขยายความกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนจอ เมื่อแท้ที่จริงแล้วเหล่าตัวละครผู้โชคร้ายในหนังเรื่องนี้ถูกจัดฉากให้เข้ามาอยู่ในหนังสนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Films) หรือการจับคนเป็นๆมาเชือดจริง ตายจริง ขายความโหดแบบไม่ปราณี ดังนั้นปริศนาทั้งหมดจึงกลายเป็นแค่เพียงการจัดวางของตัวผู้กำกับ

นอกจากนี้วิธีการนำเสนอความลึกลับทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาได้จงใจ “ลอกสูตร” จากหนังสยองขวัญไล่เชือดจากอเมริกามาตั้งแต่สมัย The Texas Chainsaw Massacre มาจนถึงหนังสยองขวัญแนวพิธีกรรมอย่าง Midsommar เอามายำเขย่ารวมกันหมด แฟนหนังสยองขวัญคงจะเกิดอาการเอ๊ะตลอดทั้งเรื่องว่า ฉันเคยเห็นอะไรประมาณนี้มาจากที่ไหนนะ ซึ่งผลจากการลอกสูตรเหล่านี้มาเพื่อประชดประชันว่าสไตล์ของหนังสยองขวัญอิตาลีกับหนังสยองขวัญจากอเมริกามีความแตกต่างกันในวิธีการนำเสนอ แต่มักจะถูกเอาไปเป็นเคสตัวอย่างในการเปรียบเทียบเชิงคุณค่าอยู่เสมอว่า ฝั่งไหนดีกว่าห่วยกว่า ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการนำเสนอสไตล์หรือเรื่องราวนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่สามารถเทียบกันในเชิงคุณค่านั่นเอง

นอกจากนี้ A Classic Horror Story ยังเสียดสีไปถึงวัฒนธรรมการเสพย์สื่อของคนยุคปัจจุบันที่มองหาความสยองขวัญที่เรียล “สมจริง” แบบหนัง สนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Films) หรือแม้กระทั่งการให้ความสำคัญกับข่าวอาชญากรรมในสังคม อาทิผัวฆ่าเมียตาย ฆาตกรรมโหดยกครัว หรือแม้กระทั่งการฆ่าตัวตายของใครสักคน แบบเดียวกันกับฉากท้ายเรื่องที่อีไลซ่า (มาทิลด้า แอนนา อินกริด ลัสซ์) เดินลงทะเลไปเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง ในขณะที่คนอื่นๆยืนถือกล้องเพื่อบันทึกภาพวินาทีชีวิตอย่างคร่ำเคร่ง โดยไม่มีใครกระโจนลงไปช่วยเธอให้พ้นจากความตายเลย

กล่าวโดยสรุปคือ A Classic Horror Story สร้างขึ้นมาเพื่อประชดประชันแนวคิดการเสพย์ผลงานสยองขวัญของผู้คน แต่อย่างไรก็ตามหากต้องการดูเพื่อความบันเทิงตื่นเต้น มันก็มีสิ่งที่แฟนหนังที่ชอบความตื่นเต้นมอบให้อย่างครบครันเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook