เปิดความลับ "หนังดังที่เกือบไม่ได้สร้าง" กับ The Movies That Made Us

เปิดความลับ "หนังดังที่เกือบไม่ได้สร้าง" กับ The Movies That Made Us

เปิดความลับ "หนังดังที่เกือบไม่ได้สร้าง" กับ The Movies That Made Us
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

The Movies That Made Us เป็นสารคดีที่ออกฉายทางสตรีมมิ่ง Netflix ผลงานการคิดของไบรอัน โวล์ค-วีซซ์ ที่หยิบเอา 4 หนังเรื่องดังในอดีตไม่ว่าจะเป็น Dirty Dancing, Home Alone, Ghost Busters และ Die Hard มาชำแหละย้อนกลับไปว่าตกลงแล้วหนังเหล่านี้มีที่มาที่ไปในการสร้างยังไง ในเวอร์ชั่นที่คนทั่วไปอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน

โดนัล เอียน แบล็ค รับหน้าที่เป็นคนบรรยายเรื่องราวตลอดทั้ง 4 ตอน โดยตอนแรกนั้นพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับ Dirty Dancing หนังรักโรแมนติก ที่ขึ้นทำเนียบหนังเต้นในดวงใจของเหล่าวัยรุ่นยุค 80 ยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ แต่รู้หรือเปล่าว่า ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้เกือบไม่ได้รับการสร้างด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นหนังที่ผู้บริหารค่ายยักษ์ใหญ่ไม่ปลื้ม ส่อแววเจ๊งตั้งแต่ยังไม่ทันได้สร้าง ประเมินแล้วยังไงก็ขาดทุน แต่กลายเป็นว่า เมื่อหนังได้รับการสร้างออกมา กลายเป็นความฮิตถล่มทลาย มิหนำซ้ำยังมีบทเพลง (I've Had) The Time Of My Life ที่ยังฮิตข้ามกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน

ความเป็นจริง Dirty Dancing คือหนังที่ได้รับการผลักดันของเหล่า “ผู้หญิง” โดยเฉพาะมือเขียนบทอย่าง เอเลนอร์ เบิร์กสไตน์ เจ้าของเรื่องราวที่หยิบเอาส่วนเสี้ยวของชีวิตตัวเองในวัยรุ่นมาปรับเป็นตัวละครเอกของเรื่องอย่าง “เบบี้” ที่เดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศอย่างแคทสกิลกับพ่อของเธอ ก่อนที่จะได้ว่าการเต้นที่เรียกว่า “เดอร์ตี้ แดนซ์ซิ่ง” คือการปลดล็อคตัวเองและได้พบรักกับจอห์นนี่ แคสเซิ้ล (แพทริก สเวซี)

ด้วยความที่หนังมีความเป็นส่วนตัวสูง เอเลนอร์ที่อยากจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้แทรกลงไปในบทภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่เธอมีโอกาสเขียนบท แต่ด้วยระบบสตูดิโอที่มีหัวขบวนเป็นเหล่าผู้ชายซึ่งนั่งแท่นซีอีโอกลับมองไม่เห็นความจำเป็นของเรื่องราวโรแมนซ์เหล่านี้ พวกเขาจึงไม่เข้าใจและอยากจะนำเสนอหนังในแบบที่พวกเขาอยากให้เป็น เธอจึงต้องดิ้นรนต่อสู้ หาพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นการหาตัวโปรดิวเซอร์ที่ชอบในผลงานของเธอและสามารถผลักดันให้โปรเจกต์นี้ได้เกิดขึ้นจริงได้ในที่สุด

แต่ใช่ว่า The Movies That Made Us จะนำเสนอแค่เพียงวิบากกรรมของเหล่าผู้สร้างเท่านั้น มันยังพาเราไปสำรวจเหล่านักแสดงด้วยว่า แท้ที่จริงแล้วการประกบคู่ขวัญพระนางระหว่างแพทริก สเวซีและเจนิเฟอร์ เกรย์นั้น แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาแทบไม่ลงรอยกัน และเกือบจะไม่ได้แสดงหนังร่วมกันด้วยซ้ำไป แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพและต้องการให้ทุกอย่างลุล่วง ทุกอย่างจึงออกมาแบบที่เราได้เห็นแบบในหนัง ยังไม่รวมไปถึงฉากไคลแม็กซ์ในตำนานที่แพทริก สเวซีจะต้องช้อนสะโพก เจนิเฟอร์ เกรย์ให้ดูเหมือนเธอได้โบยบินจนเป็นฉากตราตรึงตลอดกาล แท้ที่จริงแล้วกว่าจะได้ฉากนี้แพทริก สเวซีต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดเข่า ซึ่งเรื้อรังมานานด้วยซ้ำไป

หนังครอบครัวอย่าง Home Alone เป็นเรื่องราวที่สองที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นว่า เรื่องราวของเด็กชายติดบ้านผู้ต้องรับมือกับหัวขโมยจอมแสบจนกลายเป็นการปะทะกันสุดหฤหรรษ์นั้น เคยเป็นบทภาพยนตร์ที่สตูดิโอดังอย่างวอร์เนอร์โยนทิ้ง ทีมงานเกือบต้องยุติทำงานกันกลางคันเพราะสตูดิโอปิดไฟเขียวกลางทาง หรือบ้านที่เราได้เห็นในหนังนั้น แท้ที่จริงแล้วสร้างฉากขึ้นใน ยิมเนเซียมของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แถมแผนกต่างๆในกองถ่ายยังแบ่งไปตามห้องต่างๆราวกับเป็นสตูดิโอขนาดยักษ์จนเราต้องทึ่ง ยังไม่รวมไปถึงเรื่องนักแสดงที่สาละวนกับการเปลี่ยนคนนั้นคนนี้จนวุ่นวาย รวมไปถึงเหล่าทีมงานสตันท์ที่เล่นจริงเจ็บจริงชนิดผู้กำกับขำไม่ออก เพราะกลัวทีมงานเหล่านี้หัวแตกตายคากองถ่ายและไม่ได้ฮาแตกแบบที่ปรากฏอยู่ในหนัง Home Alone สักนิดเดียว

สำหรับหนังอย่าง Ghost Busters เป็นหนังฮิตอีกเรื่องของค่ายโคลัมเบียพิกเจอร์ส ที่เกือบจะได้ชื่อหนังเป็นอีกไปแล้ว แต่ด้วยความมุมานะและโชคเข้าข้างแบบถูกที่ถูกเวลา หนังเลยได้ชื่อนี้มาแบบปาฏิหาริย์ ยังไม่รวมไปถึงแผนการอนุมัติการสร้างและวางกำหนดวันเข้าฉายเอาไว้เรียบร้อย ทำให้กองถ่ายหนังต้องเขียนบท หานักแสดง ทำซีจีไอ ตัดต่อหนังให้ทันเวลา ในแบบที่พวกเขาไม้คิดไม่ฝันเลยด้วยซ้ำไปว่าท้ายที่สุดแล้วหนังจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างแบบที่เห็น แถมพลิกประวัติศาสตร์การทำเทคนิคพิเศษในยุคสมัยนั้นไปตลอดกาลเลยทีเดียว

ส่วนหนังแอ็คชั่นเรื่องดังอย่าง Die Hard ยังเผยความลับออกมาอีกว่า ตอนแรกนั้นหนังทาบทามผู้กำกับอย่างจอห์น แม็คเทียร์แนนไปหลายรอบแต่เขาก็ปฏิเสธยับ ด้วยลูกตื้อของสตูดิโอทำให้เขาได้มากำกับหนังเรื่องนี้ในที่สุด ยังไม่รวมไปถึงพระเอกของเรื่องอย่างบรูซ วิลลิสที่ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของหนัง เพราะเคยทาบทามแอ็คชั่นสตาร์ในยุคนั้นเกือบครึ่งวงการ แต่ทุกคนปฏิเสธเพราะให้เหตุผลว่า ตัวเอกดูไม่เท่สมชายชาตรีเอาซะเลย ยังไม่รวมไปถึงปัญหาจิปาถะมากมายที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการตัดต่อ อาทิ ฉากที่เคยถ่ายทำไว้ ไม่เชื่อมโยงกับฉากถัดมา หรือความผิดพลาดอาทิ รองเท้าของนักแสดงที่ไม่มีความต่อเนื่อง ยังไม่รวมไปถึงช่วงแรกที่หนังปล่อยเทรลเลอร์ตัวอย่างในโรงภาพยนตร์ผู้ชมร้องโห่ที่ได้เห็น “บรูซ วิลลิส” เล่นเป็นพระเอก! จนสตูดิโอถึงกับต้องกุมขมับเพราะกลัวว่าหนังจะเจ๊งเป็นต้น

The Movies That Made Us จึงกลายเป็นการพาผู้ชมย้อนกลับไปทำความรู้จัก หนังดังในดวงใจของใครหลายคนในมุมที่เราอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนได้อย่างน่าสนใจ และเร็วๆนี้ The Movies That Made Us จะมีซีซั่นที่ 2 ตามออกมาซึ่งจะพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับหนังฮิตอาทิ Jurassic Park, Back to the Future, Pretty Woman และ Forrest Gump มีกำหนดปล่อยสตรีมมิ่งทาง Netflix ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2564

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook