ปวดใจ เมื่อหนังฟอร์มใหญ่อาทิ Cruella และ Black Widow อาจไม่ได้ฉายโรง

ปวดใจ เมื่อหนังฟอร์มใหญ่อาทิ Cruella และ Black Widow อาจไม่ได้ฉายโรง

ปวดใจ เมื่อหนังฟอร์มใหญ่อาทิ Cruella และ Black Widow อาจไม่ได้ฉายโรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หลังจากที่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ค่ายหนังอย่างยูไอพี ไทยแลนด์ “นำร่อง” ในการตัดสินใจฉายหนัง A Quiet Place Part 2 ในโรงภาพยนตร์รอบนอกกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งในห้วงเวลานั้นโรงภาพยนตร์ในบางจังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่สีแดง อันมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ไม่สามารถเปิดทำการตามปกติได้

แน่นอนว่าเมื่อเข้าฉาย A Quiet Place Part 2 ยังได้รับความสนใจจากแฟนหนังภาคแรก ผู้ชมบางกลุ่มที่ยังโหยหาและยังอยากกลับไปชมภาพยนตร์ในโรงมหรสพขนาดใหญ่ตามเดิม เนื่องจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์นั้นถูกออกแบบเรื่องราว การถ่ายทำ ขนาดของภาพ สเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ รวมไปถึงวิชวลเอฟเฟ็กต์ มาเพื่อจอภาพขนาดใหญ่ในสเกลโรงภาพยนตร์ ประกอบกับระบบเสียง สภาพแวดล้อมที่ต้องการความมืดที่โอบรอบตัวผู้ชม ในการตัดขาดออกจากโลกภายนอกเป็นเวลาราวหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง

แต่การเข้าฉายของ A Quiet Place Part 2 ท่ามกลางความลุ่มๆดอนๆ ไร้ความชัดเจนจากภาครัฐ รวมไปถึงอภิมหากาพย์การนำเข้าวัคซีนต่างๆ ที่สามารถนำไปเขียนบทสร้างภาพยนตร์ได้ในอนาคต ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆไม่สามารถวางแผนการทำงาน หาเส้นไทม์ไลน์ของบทสรุปไม่ได้เสียที เมื่อคนยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผนวกกับเงินในกระเป๋าสตางค์ที่หายไปมากกว่ารายได้ที่กลับเข้ามา ตอนนี้คนในสังคมจึงน่าจะอยู่ในสภาพ “ไม่มีความสุข” จนถึงขั้นความบันเทิงอย่างการชมภาพยนตร์ก็ไม่สามารถเยียวยาความทุกข์ได้สักเท่าไหร่

ต้องยอมรับว่า เมื่อหนังฟอร์มยักษ์ไม่ได้เข้าฉายในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมไปถึงหัวเมืองใหญ่ ส่งผลกระทบต่อเรื่องรายได้ ยังไม่รวมไปถึงการแบ่งรายรับระหว่างโรงภาพยนตร์ ค่ายหนัง สายหนังต่างจังหวัดที่มีความซับซ้อนในตัวเอง จนส่งผลให้ค่ายหนังหลายค่ายตัดสินใจที่จะเลื่อนหนังฟอร์มยักษ์ ซึ่งในอเมริกาเข้าฉายไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนต้นเดือนมิถุนายนอย่าง The Conjuring: The Devil Made Me Do It ออกไปเป็นวันที่ 28 กรกฎาคม หรือ หนังซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวลอย่าง Black Widow ที่แฟนหนังตั้งหน้าตั้งตารอ โดยเลื่อนวันเข้าฉายจาก 9 กรกฎาคม ไปเป็น 28 กรกฎาคม เช่นกัน

ทว่าค่ายหนังจากสตูดิโอยักษ์ใหญ่ในไทย ทำได้แค่เพียงประวิงเวลาเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้มีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ และดูจากมาตรการต่างๆที่ภาครัฐประกาศออกมานั้น เรายังมองไม่เห็นว่าโรงภาพยนตร์ในเขตพื้นที่อย่างกรุงเทพฯและปริมณฑลจะสามารถกลับมาเปิดทำการได้ในช่วงปลายเดือนนี้ อาจส่งผลให้ Black Widow ประสบชะตากรรมเดียวกันกับหนังไลฟ์แอ็คชั่นจากดิสนีย์เรื่อง Cruella ที่แรกเริ่มวางกำหนดการเข้าฉายไว้ในวันที่ 24 มิถุนายน มีการโปรโมตทำประชาสัมพันธ์ในระดับหนึ่ง แถมยังเปิดตัว “คริส หอวัง” ในฐานะคนพากย์เสียงตัวละครเอกของเรื่องอย่าง “ครูเอลล่า” แล้วเรียบร้อย

แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ดิสนีย์ประเทศไทยตัดสินใจถอด Cruella ออกจากการเข้าโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย และกำหนดวันเข้าฉายทาง Disney+ Hotstar เป็นวันที่ 27 สิงหาคมแทน ซึ่งแน่นอนว่าแฟนๆหลายคนก็ต้องผิดหวังไปตามๆกันที่จะได้ชมหนังแฟนตาซีที่บอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของวายร้ายคลาสสิคอย่างครูเอลล่า เดอวิลจาก 101 Dalmatians ในโรงภาพยนตร์ไปอย่างน่าเสียดาย

แต้มต่อของค่ายหนังอย่างดิสนีย์ เราคงต้องกล่าวว่าหลังจากที่ดิสนีย์ได้เปิดบริการแอพลิเคชั่นอย่าง Disney+ Hotstar ในประเทศไทย (และอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย) ทำให้การที่หนังฟอร์มยักษ์ไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ แต่อย่างน้อยก็ยังมีช่องทางในการปล่อยภาพยนตร์เหล่านี้ตามออกมา หลังจากที่หนังสามารถเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในอเมริกาไปแล้วสักระยะหนึ่ง ซึ่งอย่างที่หลายคนทราบว่า Disney+ ในประเทศอเมริกา แตกต่างจาก Disney+ Hotstar ในเชิงระบบที่เรียกว่า Premier Access

ระบบ Premier Access เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ชม ที่ยอมจ่ายเงินในราคามากกว่าปกติ เพื่อสตรีมมิ่งภาพยนตร์เรื่องดังในช่วงเวลาเดียวกับที่หนังเรื่องนั้นได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ยกตัวอย่างเช่น Black Widow เข้าฉายในอเมริกาในวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมาดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงมีการฉายอีกช่องทางใน Disney+ Premier Access

ไม่ใช่แค่เพียงค่ายอย่างดิสนีย์เท่านั้นที่มีระบบการฉายหนังพร้อมกับโรงภาพยนตร์และสตรีมมิ่ง แต่ทางฝั่งอย่างวอร์เนอร์ บราเธอร์มีแพลตฟอร์มอย่าง HBO Max หรือสตูโออย่างพาราเมาท์ก็มี Paramount+ เพื่อรองรับการฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ควบคู่ไปกับการสตรีมมิ่งด้วยนั่นเอง

อย่างไรก็ตามคงต้องยอมรับว่าระบบ Premier Access ที่ใช้ไม่ได้ในระบบภูมิภาคเอเชีย ปัจจัยหนึ่งมาจากปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ที่ทำให้ระบบดังกล่าวไม่น่าจะประสบความสำเร็จ และทำให้เรามีทางเลือกน้อยลงนั่นก็คือฉายในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยจึงต้องแอบปวดใจอยู่ไม่น้อยที่หนังฟอร์มยักษ์สเกลใหญ่หลายเรื่อง จึงต้องเลื่อนจากกำหนดดั้งเดิมที่สมควรจะได้เข้าฉายพร้อมอเมริกาไม่ว่าจะเป็น The Hitman’s Wife’s Bodyguard, Fast 9, Space Jam: A New Legacy หรือหนังฟอร์มกลางๆอย่าง The Unholy, The Forever Purge, Spiral From The Book of Saw และ Peter Rabbit 2 ที่เลื่อนไปไกลลิบหลายเดือนเลยก็มี

ดังนั้นแฟนหนังฟอร์มยักษ์อาจจะต้องทำใจกันหน่อยแล้วว่า มีโอกาสสูงอยู่ไม่น้อยเช่นกันที่หนังอย่าง Black Widow อาจจะกลายเป็นหนังมาร์เวลเรื่องแรก ที่คนไทยอาจจะไม่มีโอกาสได้ชมในโรงภาพยนตร์แบบเดียวกับ Cruella

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook