Bloodride รถด่วนสายนี้มีแต่เรื่องสยอง!

Bloodride รถด่วนสายนี้มีแต่เรื่องสยอง!

Bloodride รถด่วนสายนี้มีแต่เรื่องสยอง!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ถ้าคุณไม่อยากดูซีรีส์ประเภทยาวเฟื้อยเกิน 6 ตอนจบ หรือไม่ชอบเรื่องราวที่ต้องดูติดต่อกันตลอดเวลา อยากเปลี่ยนเรื่องกลางทางเพื่อไปหาอย่างอื่นทำ บางทีซีรีส์สยองขวัญสัญชาตินอร์เวย์อย่าง Bloodride อาจจะเป็นผลงานที่ทำให้ชีวิตคุณตื่นเต้นได้วันละประมาณ 40 นาที

หากคุณรู้สึกว่าการฟังภาษาที่ 3 นอกจากภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นจนเกินไป เราอยากให้คุณลองฟังตัวละครในเรื่องพูดกันเป็นภาษานอร์วิเจียน ถือเป็นภาษาที่แปลกใหม่และฟังไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าใครรู้สึกว่าฟังแล้วปวดหัว Bloodride มีเวอร์ชั่นพากย์ภาษาอังกฤษทับ แต่อาจจะดูแล้วขัดๆ นิดหน่อยเพราะอารมณ์ปากนักแสดงขยับอย่าง ประโยคที่พูดออกมาเป็นอีกอย่าง ดังนั้นเราแนะนำว่าให้ดูเป็นเสียงต้นฉบับแล้วเปิดเป็นซับไตเติ้ลภาษาไทยเป็นดีที่สุด

การเรียงร้อยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์นี้อาศัยการที่ตัวละครจากเรื่องสั้นทั้ง 6 เรื่องกำลังนั่งรถบัสโดยสารไปยังจุดหมายปลายทาง ด้วยสภาพบนรถที่ไฟมืดสนิท แถมสีหน้าค่าตาตัวละครแต่ละตัวก็ดูอมทุกข์และปิดบังความลับบางอย่างไว้ โดยถ้าเรื่องราวในตอนนั้นๆเกิดขึ้นกับตัวละครใด กล้องก็จะเคลื่อนไปยังกลุ่มตัวละครจากเรื่องนั้นๆพร้อมกับปุ่มสัญญาณเตือนสีแดงที่คนขับรถ (หน้าตาโรคจิต) ซึ่งติดขึ้นและบอกคนดูว่า พร้อมหรือยังที่จะพบกับเรื่องราวสุดสยอง

เรื่องแรก Ultimate Sacrifice หยิบเอาตำนานปรัมปราเกี่ยวกับความเชื่อของคนในพื้นที่ชนบทห่างไกลมาเป็นประเด็นหลัก โดยตอนนี้บอกเล่าเหตุการณ์ของครอบครัวพ่อแม่ลูก ผู้เดินทางโยกย้ายสำมะโนครัวจากเมืองใหญ่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แน่นอนว่าพวกเขากำลังต้องรับมือกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่ฝืดเคือง จนกระทั่งคุณแม่ประจำบ้านเริ่มค้นพบว่าบรรดาชาวบ้านมีพฤติกรรมแปลกๆเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง และเมื่อเธอพยายามค้นหาว่าทำไมพวกเขาถึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น เธอก็ได้พบกับความหวังใหม่ของชีวิตในแบบที่คนดูเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

Three Sick Brothers เอริค หนุ่มหน้าหล่อที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช หลังจากเข้ารับอาการบำบัดทางจิต โดยมีพี่ชายจอมป่วนสองคนเดินทางมารับเขา เพื่อกลับไปพักผ่อนยังกระท่อมหลังเก่าของครอบครัว จนกระทั่งระหว่างทางพวกเขาได้รับหญิงสาวแปลกหน้าขึ้นรถ ก่อนที่พวกเขาจะค้นพบความลับดำมืดเกี่ยวกับหญิงคนนี้และนำไปสู่เหตุการณ์โชกเลือด

Bad Writer เล่าเรื่องราวของโอลิเวีย เด็กสาววัยรุ่นที่เข้าชั้นเรียนวิชาวรรณคดีศึกษา ก่อนที่จะค้นพบว่าตัวเองกำลังโดนตามล่าจากพลังงานลึกลับ แต่แล้วเธอได้ล่วงรู้ความจริงว่าปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นมีคนกำลังชักใยอยู่เบื้องหลัง และเธอก็สามารถทำแบบนั้นได้เช่นเดียวกัน จากเหตุการณ์สยองสยองเดินหน้าสู่การต่อสู้ทางความคิด การพลิกเกมชิงไหวชิงพริบสุดระทึก สำหรับในตอนนี้ถ้าใครชอบเรื่องราวประเภทหักมุมทุก 10 นาทีชนิดคนดูไล่ตามไม่ทัน เดาทางลงของเรื่องราวไม่ถูก รับรองว่า Bad Writer จะกลายเป็นหนึ่งตอนในความทรงจำของคุณอย่างแน่นอน

Lab Rats หลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำของเหล่าซีอีโอและผู้ร่วมวิจัยกำลังจะจบลง ผู้บริหารบริษัทค้นพบว่า “ยาต้นแบบ” ได้ถูกขโมยหายไปจากตู้เซฟของบริษัท เขาจึงบังคับให้ทุกคนที่อยู่ในงานกินเลี้ยงนั้นเข้าไปอยู่ในตู้ทดลองซึ่งสามารถปล่อยแก็สพิษเข้าไปในห้องได้ พร้อมกับยื่นคำขาดว่า “รหัส” ที่จะสามารถเปิดห้องทดลองนี้ออกมาคือตัวเลขเดียวกับรหัสตู้เซฟที่บรรจุยาต้นแบบเอาไว้ เกมหาตัวจริงของผู้ร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่จะนำไปสู่บทสรุปเหนือความคาดหมายจนเรามารู้ตัวอีกที อาจจะกลายเป็นว่านี่เรากำลังดูหนังสายลับจารกรรมกันอยู่หรือเปล่านะ ที่เหนือไปกว่านั้นคือตัวละครทุกตัวมีความลับที่เด็ดดวงไม่แพ้กันเลยทีเดียวเชียว

The Old School ครูสาวคนใหม่ที่เดินทางมายังโรงเรียนในชนบท เธอเริ่มได้ยินเสียงแปลกประหลาดอันน่าจะเป็นวิญญาณที่เคยถูกทารุณอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เธอจึงพยายามค้นหาความจริงว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยิ่งค้นพื้นที่พยายามห้ามปรามเธอมากเท่าไหร่ เธอกลับยิ่งรู้สึกว่าพวกเขากำลังปิดบังความจริงมากขึ้นเท่านั้น ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนี้กันแน่

The Elephant in the Room ในออฟฟิศของคุณเคยมีเพื่อนร่วมงานตายหรือเปล่า? ระหว่างงานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทแห่งหนึ่งที่ทุกคนกำลังฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยง มีเพื่อนร่วมงานสองคนพยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับการตายของพนักงานหญิง ระหว่างนั้นเองมีฆาตกรลึกลับซึ่งปรากฏตัวภายใต้ชุดมาสคอตช้างสุดสะพรึงและเริ่มออกไล่ล่าทุกคนในงานเลี้ยงอย่างเลือดเย็น ใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้

ทั้ง 6 เรื่อง 6 ตอนต่างก็มีความน่าสนใจอยู่ในเรื่องราวของตัวเอง มากน้อยคละเคล้ากันไป อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าเรื่องราวสยองขวัญจากมุมมองของคนนอร์เวย์เองก็ดูจะละม้ายคล้ายคลึงกับอีกหลากหลายประเทศทั่วโลก ที่ทำให้เราเห็นว่าในแวดวงธุรกิจ วรรณกรรม การศึกษายังเต็มไปด้วยการชิงดีชิงเด่น คนในประเทศนอร์เวย์ยังต้องเผชิญกับปัญหาคนที่มีอาการทางจิตเวชอันเป็นผลพวกมาจากสภาพสังคม การทำงาน จนนำไปสู่ความรุนแรงแบบที่ปรากฏอยู่ในบางตอนของ Bloodride

Bloodride อาจจะไม่ได้มีอะไรใหม่จนน่าว้าว แต่เป็นงานสยองขวัญ-ตื่นเต้นที่ชวนคนดูแวะไปเสพย์อะไรในอีกรสชาติได้บันเทิงไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook