15 ปี High School Musical ความหลังหวานฉ่ำ ต้นกำเนิดหนังเพลงไฮสคูล

15 ปี High School Musical ความหลังหวานฉ่ำ ต้นกำเนิดหนังเพลงไฮสคูล

15 ปี High School Musical ความหลังหวานฉ่ำ ต้นกำเนิดหนังเพลงไฮสคูล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

การกลับมาของหนังมิวสิคัล แต่ไหนล่ะ หนังเพลงที่มีฉากหลังในไฮสคูล!

ใช่ว่าฮอลลีวูดไม่เคยสร้างหนังเพลงสำหรับวัยรุ่น แต่นั่นก็นานมาแล้วอาทิ เรื่องราวอย่าง West Side Story หรือ Grease แต่หนังเพลงที่ประสบความสำเร็จถูกทิ้งช่วงห่างจอภาพยนตร์ไปเนิ่นนาน จนกระทั่ง ปี 2001 Moulin Rouge ได้สร้างปรากฏการณ์หนังมิวสิคัลกลับมาขึ้นจอภาพยนตร์อีกครั้ง หนึ่งปีให้หลัง Chicago คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและบรรดาหนังเพลงกลับมาอยู่ในกระแส "ป๊อบคัลเจอร์" (Pop Culture) อีกครั้ง มีการสร้างหนังเพลงอีกมากมายหลายเรื่องไม่ว่าจะดัดแปลงมาจากละครเวทีบรอดเวย์มิวสิคัล หรือเขียนบทขึ้นใหม่ แต่ไม่มีหนังเพลงเรื่องไหนพาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในไฮสคูลแบบจริงๆจังๆ สักที

ปัจจัยแห่งความสำเร็จนี้ไม่ใช่เรื่องฟลุคๆ เพราะ High School Musical ได้เคนนี่ ออร์เทก้า โคริโอกราเฟอร์ (คนออกแบบท่าเต้น) จากหนังดังอย่าง Dirty Dancing ผู้คลุกคลีกับงานภาพยนตร์เรื่องดังที่มี “เสียงเพลง” เกี่ยวข้องหลายเรื่องนับไม่ถ้วน มานั่งแท่นเป็นผู้กำกับหนังสำหรับโทรทัศน์เรื่องนี้ และภายใต้วิสัยทัศน์ของ “บิล บอร์เดน” อยากจะสร้างหนังเพลงสักเรื่องที่พ่อแม่สามารถนั่งดูพร้อมกับลูกๆที่บ้านได้ หนังเรื่องนี้จึงได้รับการสร้างขึ้น

High School Musical ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉายเฉพาะทางช่องโทรทัศน์ Disney Channel Original Movie (DCOM) ซึ่งสร้างปรากฏการณ์เรตติ้งผู้ชมในวันเปิดตัวสูงถึง 7.7 ล้านคนในอเมริกาเหนือ จนดิสนีย์เองก็คาดไม่ถึงกับสิ่งนี้เช่นกัน ทั้งที่พล็อตเรื่องนั้นไม่มีอะไรหลีกหนีไปจากพล็อตสูตรสำเร็จประเภทพระเอกหน้าตาหล่อเหลาพบรักกับสาวขี้อายในโรงเรียนไฮสคูล

ทรอย โบลตัน (แซค เอฟรอน) หนุ่มหล่อที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาพร้อมกับพ่อผู้เป็นโค้ชคนใหม่ประจำทีมบาสเกตบอล ได้เข้าเรียนในอีสไฮสคูล ในฐานะหนุ่มหน้าใหม่ระหว่างงานฉลองเคาท์ดาวน์ปีใหม่ เขาจับพลัดจับผลูต้องขึ้นเวทีไปร้องคาราโอเกะกับสาวแปลกหน้าอย่างกาเบรียลลา (วาเนสซ่า ฮัดเจนส์) ในเพลง Start of something new จนทั้งสองเหมือนว่าจะตกหลุมรักกัน

ไม่นานนักทั้งสองได้พบกันอีกครั้งในโรงเรียน กาเบรียลลาถือเป็นนักเรียนหัวดี แสนขี้อาย เธอถือว่าอยู่ในกลุ่มเด็กเนิร์ดประจำไฮสคูล ระหว่างนั้นเองกำลังจะมีการทำละครเวทีขึ้น ทำให้ทั้งสองสนใจที่จะมาร่วมออดิชั่นเพื่อเป็นนักแสดง โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าเจ้าแม่ละครอย่างชาร์เพย์ (แอชลีย์ ทิสเดล) และน้องชายอย่างไรอัน (ลูคัส กราบีล) หมายมั่นปั้นมือจะรับบทนำมานานแค่ไหน

เมื่อชาร์เพย์รู้สึกว่ากำลังจะต้องสูญเสียบทนำให้กับกาเบรียลลา เธอจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขวางทางฝัน ด้วยการโน้มน้าวให้บรรดาผองเพื่อนของทั้งกาเบรียลลาและทรอย ทำให้พวกเขากลับไปอยู่ในวิถีทางของตัวเองเช่นทรอย คู่ควรเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล ส่วนกาเบรียลควรเป็นนักเรียนสายวิชาการที่ไม่ควรกระโดดข้ามมาทำกิจกรรมแสดงละคร ทั้งสองจึงต้องพิสูจน์ตัวเองให้สังคมในไฮสคูลได้เห็นความต้องการของพวกเขา และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

แม้ว่า High School Musical จะเล่าสูตรสำเร็จว่าด้วยการทำตามความฝันและความรักของหนุ่มสาว ผ่านบทเพลงป๊อปติดหูฟังง่าย แต่ระหว่าทางของหนังกลับพยายามนำเสนอให้วัยรุ่นเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเสมอไปที่คนเราจะต้องเก่งสุดทางในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ทุกคนสามารถทำให้สิ่งที่ตัวเองถนัดและพัฒนาความชอบของตัวเองควบคู่กันไปพร้อมๆกัน

 

คำสำเร็จถล่มทลาย 

ด้วยการตอบรับอย่างถล่มทลายส่งผลให้เหล่านักแสดงนำในเรื่องเนื้อหอมอาทิ แซค เอฟรอนกลายเป็นนักแสดงหนุ่มหล่อเลือดใหม่ที่มีผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่อง วาเนสซา ฮัดเจนส์ได้มีผลงานออกอัลบั้ม เช่นเดียวกันกับแอชลีย์ ทิสเดล ความนิยมของหนังเรื่องนี้ รวมไปถึงเพลงที่ฮิตมากทำให้ดิสนีย์เปิดทัวร์คอนเสิร์ต High School Musical: The Concert ในทวีปอเมริกาเหนือและแถบลาตินอเมริกา แต่ในคอนเสิร์ตนี้ไร้เงาของแซค เอฟรอน เพราะในตารางทัวร์คอนเสิร์ตนั้นดันไปชนกับตารางงานถ่ายทำหนังเพลงอย่าง Hairspray พอดิบพอดี ทำให้ดรูวส์ ซีเลย์ ซึ่งเป็นคนร้องเพลง High School Musical ตัวจริง เสียงจริงเฉพาะหนังภาคแรก ต้องขึ้นคอนเสิร์ตแทนตลอดทัวร์! อย่างไรก็ตามหลายเพลงในหนังเรื่องนี้ได้รับการแสดงบนเวที นอกจากนั้น แอชลีย์ ทิสเดลยังได้ขนเพลงฮิตจากอัลบั้มของตัวเองอาทิ Headstrong, We'll Be Together และ He Said She Said มาโชว์บนเวที เช่นเดียวกันกันวาเนสซ่า ฮัดเจนส์, ดรูวส์ ซีเลย์ และคอร์บิน เบลอ

และเพื่อต่อยอดความสำเร็จของ High School Musical ดิสนีย์จึงได้สร้างภาคต่อออกมาในปี 2007 กับ High School Musical 2 บอกเล่าช่วงเวลาซัมเมอร์สุดป่วน และ High School Musical 3: Senior Year ในปี 2008 โดยความพิเศษของหนังภาคนี้นอกจากจะเป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยังสร้างขึ้นเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย โดยกวาดรายได้จากทั่วโลกไปถึง 252 ล้านเหรียญฯ

โดยความสำเร็จที่กลายเป็นบทบันทึกหนึ่งในตำนานของสตูดิโออย่างดิสนีย์ มีความพยายามหลายครั้งที่จะนำ High School Musical กลับมาสร้างใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภาคต่อ อย่างภาคที่ 4 แต่โครงการก็ถูกล้มพับไป จนกระทั่งดิสนีย์จะเปิดตัว Disney+ ทำให้เรื่องราวใน High School Musical ถูกปัดฝุ่นกลับมาบอกเล่าเรื่องราวใหม่ ในรูปแบบซีรีส์กับ High School Musical: The Musical: The Series ที่เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกในโอกาสต่อไป

ร่วมย้อนความทรงจำกับ High School Musical ได้แล้วทาง Disney+ Hotstar

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook