"เลดี้ กาก้า" ขอกลับมาปังทวงบัลลังก์ตัวแม่ใน House of Gucci
House of Gucci กลายเป็นหนังที่ได้รับการจับตามองทันทีตั้งแต่ที่มีการประกาศสร้าง เนื่องจากชื่อแบรนด์แฟชั่นอย่าง Gucci ล้วนแล้วแต่เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกมานานกว่าหลายทศวรรษ ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงได้รับการจับตามองทั้งบรรดากูรูวงการแฟชั่น และคอหนังชีวประวัติ ซึ่งได้ผู้กำกับระดับตำนานอย่างริดลีย์ สก็อตต์ มานั่งแท่นในการดูแลภาพรวมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม House of Gucci ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือ The House Of Gucci: A Sensational Story Of Murder, Madness, Glamour and Greed บอกเล่าเรื่องราวคดีฆาตกรรมสุดแสนอื้อฉาว หลังจากที่เมาริซิโอ้ กุชชี่ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของแบรนด์แฟชั่นระดับตำนานถูกฆาตกรรมโดยภรรยาของตัวเองอย่าง ปาทริเซีย เรจจิอานี-กุชชี ในปี 1995
หลังจากในช่วงประกาศรายชื่อนักแสดงที่จะมารับบทบาทเป็นปาทริเซีย เรจจิอานี-กุชชี ว่าเป็นนักแสดง-นักร้องอย่างเลดี้ กาก้า ทำให้สื่อกระแสหลักจากทั้งโลกจับตาโปรเจกต์นี้มาโดยตลอด ส่วนอดัม ไดรเวอร์ที่มาแรงสุดๆในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายิ่งทำให้โปรเจ็ค House of Gucci ถูกจับตามองมาโดยตลอด ซึ่งตอนนี้ทางสตูดิโออย่างเอ็มจีเอ็ม ได้ประกาศกำหนดวันเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศอเมริกาเหนือ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ส่วนในประเทศไทยแพลนกันเอาไว้จะฉายช่วงต้นปี 2022 โน่น (ถ้าหากโรงภาพยนตร์ได้กลับมาเปิดทำการตามปกติ)
นอกเหนือจากสองนักแสดงนำตัวหลักแล้ว ยังได้ดารามากฝีมืออีกหลายคนมารับบทบาทสมทบอาทิ จาเรด เลโต แสดงเป็นเพาโล, อัล ปาชิโน แสดงเป็นอัลโด กุชชี และเจเรมี ไอร์ออน รับบทเป็นโรดอลโฟ กุชชี ซึ่งนักแสดงชายทั้งสามคนนี้เคยได้รับรางวัลออสการ์สายการแสดงมาครองกันแล้วทั้งนั้น อีกทั้งยังได้อีกหนึ่งนักแสดงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ อย่างซัลมา ฮาเยก อีกหนึ่งคนมารับบทบาทเป็นจูเซฟปีนา ออเรียมมา ยิ่งทำให้เราเห็นว่า ทีมกองทัพนักแสดงแต่ละคนนั้นขนของและทักษะทางการแสดงชนิดต้องจับตาว่า พวกเขาเหล่านี้จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์กันอีกครั้งหรือไม่
ย้อนกลับไปที่ตัวหนังซึ่งดัดแปลงมาจากหนังสือ จะพาผู้ชมไปสำรวจช่วงเวลาในระหว่างที่เกมธุรกิจแบรนด์แฟชั่นกำลังดุเดือด อีกทั้งตระกูลกุชชี่ที่ถือได้ว่าร่ำรวยจากการประกอบธุรกิจเสื้อผ้าทำให้ความหวังต่อการบริหารจัดการแบรนด์ของเมาริซิโอ้ กุชชี่ ซึ่งพยายามกอบกู้กิจการครั้งใหญ่หลังจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักในช่วงปี 90 แต่เมื่อเขาไม่สามารถจะทำให้มันสำเร็จได้จนต้องขายหุ้นในปี 1994 มิหนำซ้ำเขายังต้องรับมือกับปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและภรรยาอย่างปาทริเซีย เรจจิอานี-กุชชี ที่ตัดสินใจหย่าร้างกันในเวลาต่อมา จนเธอได้วางแผนตัดสินใจจ้างวานมือปืนให้ไปลอบสังหารสามีตัวเองจนเสียชีวิตในปี 1999 จนกลายเป็นข่าวดังในยุคสมัยนั้น
จากบทบันทึกของประวัติศาสตร์จริงที่สะเทือนวงการแฟชั่น คงต้องบอกว่าในฐานะที่เมาริซิโอ้ กุชชี่ซึ่งเป็นทายาทที่อายุน้อยในช่วงเวลานั้น ซึ่งเขาได้แต่งงานกับปาทริเซีย เรจจิอานี-กุช สาวสังคมชั้นสูง ความที่เมาริซิโอ้ไม่ใช่คนที่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารธุรกิจ ประกอบกับการเลี้ยงดูให้เติบโตมาแบบถูกสปอยล์ เขาจึงเป็นคนใช้เงินมือเติบ ฟุ่มเฟือย แต่ทุกอย่างก็เหมือนจะลงตัวและเข้าที่เข้าทางมากขึ้นหลังจากที่ได้แต่งงานกับปาทริเซีย
ความน่าสนใจของ House of Gucci คือมันอาจจะเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักกับปาทริเซีย เรจจิอานี-กุช ให้มากยิ่งขึ้นว่า ช่วงชีวิตหลังจากที่เธอได้แต่งงานแล้ว เธอมีส่วนผลักดันแบรนด์กุชชี่ และคอยซับพอร์ตสามีของตัวเองอย่างไรบ้าง และแท้ที่จริงแล้วอะไรกันแน่ที่กลายเป็นชนวนฟางเส้นสุดท้ายที่นำไปสู่การหย่าร้าง และลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ระดับประวัติศาสตร์
แน่นอนว่าด้วยการมารับบทนำอีกครั้งของเลดี้ กาก้าในการเป็นตัวละครที่ดัดแปลงมาจากบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ทุกคนต้องจับตามอง หลังจากที่เธอ เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในฐานะนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาแล้วจาก A Star is Born ในปี 2018 แต่ก็ชวดไป และได้รางวัลในสาขา Best Achievement in Music Written for Motion Pictures (Original Song) จากเพลง Shallow ปลอบใจ แทน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กาก้าเอง เคยได้รับรางวัลการแสดงยอดเยี่ยมมาแล้วจากเวที Golden Globes หรือลูกโลกทองคำในปี 2016 กับสาขา Best Performance by an Actress in a Limited Series or Motion Picture Made for Television จากซีรีส์ American Horror Story: Hotel
ในส่วนของนักแสดงนำชายอย่างอดัม ไดร์เวอร์ หลังจากที่เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 2 ปีติดกัน (และก็ชวดรางวัล 2 ปีติดกันเช่นกัน) จากหนังเรื่อง BlacKkKlansman และ Marriage Story ก็ยิ่งชวนให้คนดูลุ้นกันอีกรอบว่าปี 2021 นี้เขาจะมีโอกาสติดในลิสต์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์อีกครั้งหรือไม่
เอาเป็นว่าปลายปีนี้คงได้เห็นคำวิจารณ์แรกๆจากฝั่งอเมริกาก่อน ส่วนคนไทยก็อดใจรอกันอีกหน่อยนะ