The Chair เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีเรื่องบรรลัยกว่าที่คิด

The Chair เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีเรื่องบรรลัยกว่าที่คิด

The Chair เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีเรื่องบรรลัยกว่าที่คิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

The Chair เป็นผลงานการสร้างโดย อแมนด้า พีทและแอนนี่ วีแมน โดยซีซั่นแรกจะออกฉายสตรีมมิ่งทาง Netflix ความยาวทั้งสิ้น 6 ตอนด้วยกัน บอกเล่าเรื่องราวของ “คิม ยีจุน” อาจารย์ประจำคณะภาษาศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยเพมโบรค ซึ่งเธอเพิ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าประจำภาควิชาไปหมาดๆแต่ใช่ว่าการผันตัวเองมาจากอาจารย์ปกติให้มานั่งแท่นคนต้องบริหารอาจารย์คนอื่นๆก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเอาซะเลย

ความสนุกสุดหฤหรรษ์ของ The Chair คือมันเป็นซีรีส์ดราม่า คอเมดี้ที่หยิบยกอาชีพที่ผู้ชมแทบไม่เคยได้ไปสำรวจบริบทแวดล้อมของตัวละครอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย (เพราะส่วนมากแล้วเรามักจะได้เห็นอาจารย์ประจำไฮสคูลกันซะมากกว่า) การที่ตัวละครอย่างคิม จียุนได้มาเปิดโลกให้ผู้ชมได้เห็นในอีกมิติหนึ่งนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ

แซนดรา โอนั้นจริงๆแล้วเธอเป็นนักแสดงชาวแคนนาดาที่มีเชื้อสายเกาหลี พ่อแม่ของเธอเป็นชาวเกาหลีก็จริง แต่เธอเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่แคนนาดาเป็นหลัก โดยผู้ชมคอซีรีส์คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอจากบทคุณหมออินเทิร์น “คริสติน่า หยาง” จากเรื่อง Grey's Anatomy ซึ่งบทบาทนี้ทำให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงจากซีรีส์บนเวทีลูกโลกทองคำในปี 2006 มาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนที่ปี 2019 เธอจะคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากซีรีส์ Killing Eve บนเวทีเดียวกันอีกครั้ง แถมก่อนหน้านี้เธอเคยได้รับคำชื่นชมอย่างเกรียวกราวตอนที่เธอแสดงภาพยนตร์เรื่อง Sideways ในปี 2004 อีกด้วย

 กลับมาที่บทบาท คิม จียุน ใน The Chair ที่ตัวละครของเธอจัดได้ว่าแทบจะแบกทั้งซีรีส์เอาไว้อยู่บนบ่า เมื่อตัวละครนี้ต้องรับมือกับสถานการณ์หนักๆกันตั้งแต่อีพีแรกของซีรีส์ โดยเฉพาะโจทย์สุดหินที่เธอต้องบริหารภาควิชาเผื่อให้เหล่านักศึกษาหันมาลงทะเบียนเรียนในภาควิชานี้มากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่คณะภาษาศาสตร์มักจะโดนมองจากนักศึกษาสมัยใหม่ว่าไม่ค่อยมีความจำเป็นนักและสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้จากอินเตอร์เน็ต (ซีรีส์ก็จิกกัดแบบแสบๆคันๆว่า คณะเรามีอะไรมากกว่าจะเปิดอ่านหาความรู้กันใน Wikipedia !)

โจทย์แรกที่ว่าหินแล้ว การเป็นหัวหน้าภาควิชาคือการที่เธอต้องจัดการบริหารทรัพยากรบุคคลโดยเฉพาะเหล่าอาจารย์รุ่นใหญ่ใกล้เกษียณอายุงาน ที่มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนในหลักหน่วย จนเธอต้องกุมขมับว่าจะทำให้อาจารย์กลุ่มนี้ต้องยอมรับกับชะตากรรมในการให้เกษียณอายุก่อนเวลา หรือจะจัดการด้วยวิธีอื่นดี เพราะหนึ่งในคนที่เธอต้องดำเนินการคือเพื่อนสนิทของตัวเอง

นอกเหนือจากเรื่องงานที่ดูหนักหนาสาหัสแล้ว ชีวิตครอบครัวของตัวนางเอกเองก็ดูหายนะไม่แพ้กัน เมื่อเธอกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลังจากแยกทางกับสามี มิหนำซ้ำเธอยังไปอุปการะลูกบุญธรรมเชื้อสายละตินอเมริกาที่ดูเหมือนว่า เคมีระหว่างเธอกับลูกเลี้ยงแทบไม่ไปด้วยกัน แถมเราอาจจะนิยามความดื้อด้านของจูฮี ลูกเลี้ยงว่าเธอเข้าข่ายเป็นเด็กเปรตที่ทำแม่ตัวเองต้องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน

สิ่งที่ทำให้ The Chair สนุกเอามากๆคือการที่หนังหยิบจับเทรนด์การศึกษาของโลกปัจจุบันเอามายั่วล้อและทำให้เห็นว่าความแตกต่างระหว่างเจนเนอเรชั่น กลายเป็นปมปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นอาจารย์รุ่นใหญ่ที่เริ่มมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองและก้าวไม่ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป การยึดติดกับความสำเร็จในอดีต ไม่มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร ไม่ยอมวางอีโก้ลงและโอนอ่อนปรับตัวให้เข้ากับอาจารย์รุ่นใหม่ที่มองเห็นความเปลี่ยนแปลงไปของโลกและพยายามทำความเข้าใจกับโลกสมัยใหม่

นอกเหนือจากนี้ซีรีส์ยังเผยให้เห็นความคาดหวังของนักศึกษาที่มีต่อคณาจารย์ในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะจุดพลิกผันหลักของซีรีส์นี้คือตัวละครบิล บ๊อบสัน (เจย์ ดูพลาส)อดีตหัวหน้าภาควิชาที่เพิ่งจะสูญเสียภรรยาไป และเขาก็ต้องจากลากับลูกสาวที่เดินทางไปเรียนต่อต่างบ้านต่างเมือง ทำให้ชีวิตส่วนตัวของเขาเละเทะไม่เป็นโล้เป็นพาย แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเป็นอาจารย์ที่ป๊อปปูล่าร์มากในหมู่นักศึกษา แต่เมื่อวันหนึ่งเขาเมาค้างและเผลอทำท่า “ไฮ ฮิตเลอร์” ในชั้นเรียนจนนักศึกษาถ่ายคลิปไปลงโซเชียลมีเดีย ทำให้อาชีพของเขาและภาควิชา ตกอยู่ภายใต้ความกดดันของนักศึกษาและสังคม

ท่ามความยุ่งเหยิงและอีรุงตุงนังของหลากหลายสถานการณ์ในซีรีส์ The Chair ทุกอย่างดูกลมกล่อมและลื่นไหลไปหมด สืบเนื่องมาจากเหล่าทีมนักแสดงมากฝีมือ โดยนอกจาก 2 นักแสดงข้างต้นแล้ว ยังมีนักแสดงรุ่นเก๋าอาทิ บ็อบ บาลาแบน ในบทอาจารย์รุ่นใหญ่ที่ไม่ยอมวางมือ ฮอลแลนด์ เทย์เลอร์ อาจารย์หญิงสุดเก๋าที่ถูกย้ายห้องทำงานไปอยู่ใต้ยิมเนเซียม! จนเธอรู้สึกได้ว่ากี่ปีกี่ชาติ “ความเป็นผู้หญิงก็เป็นเพศสภาพที่ไม่เท่าเทียมกับผู้ชาย เดวิด มอร์ส คณะบดีสุดแสบ เดวิด ดูคอฟนีย์ กับบทบาทรับเชิญแสดงเป็นตัวเอง นอกจากนี้ยังมีนักแสดงผิวสีนานา เมนชาห์กับบทเยซ อาจารย์อัตราจ้างพิเศษที่เหล่านักศึกษาชื่นชอบ แต่ด้วยเพศสภาพ สีผิว ทำให้เธอไม่ได้รับการยอมรับการเหล่าอาจารย์ชายคนอื่นๆในภาควิชาเท่าที่ควร

ถ้าใครอยากจะดูซีรีส์ที่ไม่ยาวมากมาย ดูแล้วไม่เครียดได้ประเด็นของโลกการทำงานยุคปัจจุบัน The Chair ที่สามารถดูจบได้ทั้งซีซั่นโดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook