Cruella กับอีกร่างของ "ครูเอลล่า เดอ วิล"

Cruella กับอีกร่างของ "ครูเอลล่า เดอ วิล"

Cruella กับอีกร่างของ "ครูเอลล่า เดอ วิล"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หลังจากที่ได้ฤกษ์ลงสตรีมมิ่ง Disney+ ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน คงต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ Cruella ในฉบับ Live action นั้นไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เนื่องจากการออกแบบงานสร้างในภาพรวมนั้น คู่ควรกับการรับชมในสเกล “จอใหญ่” มากกว่าดูในจอทีวีหรือสมาร์ทโฟนก็ตามที แต่อย่างน้อยเราอยากจะพาคุณผู้อ่านย้อนเวลากลับไปสักเล็กน้อยแค่ราวๆ 60 กว่าปีที่แล้วเอง! ไล่มาถึงเทรนด์ในการเล่าตัวละครของดิสนีย์ในยุคปัจจุบัน ฉบับเร่งรัด

 

ปี 1961 กับ One Hundred and One Dalmatians

ใครจะไปเชื่อว่า หลังจากที่แอนิเมชั่นเจ้าหญิงนิทราเรื่องดังที่คนจดจำได้ไม่เคยลืมกับ Sleeping Beauty ล้มเหลวสนิทตายคาตารางหนังทำเงินในช่วงเวลานั้น ส่งผลให้ดิสนีย์กลับไปมองหาความสำเร็จจากหนังสไตล์อื่น ซึ่งหนึ่งในแอนิเมชั่นที่ไม่ใช่ “เจ้าหญิง” ก็คงหนีไม่ “สัตว์แสนรู้” ที่สามารถกวักมือเรียกผู้ชมได้เป็นอย่างดี Hundred and One Dalmatians กลายเป็นแอนิเมชั่นลำดับที่ 17 ของสตูดิโอดิสนีย์ ดัดแปลงมาจากงานเขียนของ โคดี้ สมิธ ในชื่อเดียวกัน

อันที่จริงพล็อตเรื่องของ Hundred and One Dalmatians ว่าด้วยน้องหมาแสนรู้ที่จับคู่ให้กับเจ้าของตัวเองแต่งงานกัน หลังจากนั้นพวกมันได้ให้กำเนิดเหล่าลูกหมาลายจุด สายพันธุ์ดัลเมเชี่ยนตามกันออกมาถึง 15 ตัว แต่ไม่นาน การปรากฏตัวของ “ครูเอลล่า เดอ วิล” หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทของแอนิต้า ที่ได้ทราบข่าวลูกหมาตัวใหม่ ก็รีบร้อนเข้ามาติดต่อขอซื้อลูกหมาทั้งหมด แต่หลังจากที่ถูกปฏิเสธเธอจึงเกิดอาการหัวเสีย ก่อนนำไปสู่เหตุการณ์โจรออกอาละวาดขโมยลูกหมาขึ้นในเวลาต่อมา

แน่นอนว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความอลม่านทั้งหมดคือ “ครูเอลล่า เดอ วิล” หญิงสาวไฮโซ ผู้คลั่งไคล้ในแฟชั่นขนสัตว์และปรารถนาจะนำเหล่าน้องหมาดัลเมเชี่ยนมาทำเป็นอาภรณ์ประดับร่างชิ้นต่อไป ดูเหมือนว่ากระทั่งน้องหมาที่หน้าตาน่ารักน่าชังแล้ว สิ่งที่เหลือคงค้างความทรงจำของผู้ชมโดยตลอดมา ไม่ใช่เรื่องราวความน่าประทับใจระหว่างเหล่าสัตว์ หากแต่เป็นความบ้าสติแตกของตัวละครครูเอลล่า ที่มาพร้อมสีผมในสองโทนสี ขาวและดำ โหนกแก้มแหลมปรี๊ด และรถที่เธอขับอย่างบ้าคลั่ง ต่างหาก

จากความสำเร็จของแอนิเมชั่นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรที่ปี 1996 ดิสนีย์จึงตัดสินใจดัดแปลงให้กลายเป็นหนังคนแสดงภายใต้ชื่อ 101 Dalmatians โดยมีนักแสดงอย่างเกล็นน์ โคลสมารับบทเป็นครูเอลล่า เดอ วิล ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่ของคำวิจารณ์ รายได้ที่ทำเงินทั่วโลกสูงถึง 320 ล้านเหรียญฯ ในห้วงเวลานั้น มิหนำซ้ำ การแสดงที่ตีบทแตกกระจุยของเกล็นน์ โคลส ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากหนังประเภทตลกหรือเพลงบทเวทีลูกโลกทองคำ (Golden Globes) ในปี 1997 อีกด้วย

จากความสำเร็จถล่มทลาย ทำให้ดิสนีย์ตัดสินใจสร้างหนังภาคต่อตามออกมาในปี 2000 ภายใต้ชื่อ 102 Dalmatians ว่าด้วยเรื่องราวหลังจากที่ครูเอลล่าถูกจับเข้าคุกเพราะวีรกรรมของเธอในหนังภาคแรก ในขณะเดียวกันเจ้าหมาดัลเมเชี่ยนอย่างปองโก้และเพอร์ดิต้า ได้ให้กำเนิดลูกหมาตัวใหม่ที่ไม่มีจุดเลยสักวงเดียว ทำให้ครูเอลล่าอยากได้มันมาครอบครองอีกแล้ว! แน่นอนว่าเกล็นน์ โคลส ยังกลับมารับบทบาทเดิม แต่หนังคำวิจารณ์ค่อนข้างปานกลาง และทำรายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 183 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น อย่างไรก็ตามหนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาออกแบบเสื้อผ้ายอดเยี่ยม อันเป็นผลงานการออกแบบของแอนโธนี่ โพเวลล์

 

Multiverse ของดิสนีย์ Live Action

กลับมาใน Cruella เวอร์ชั่นปี 2021 ที่เราคงต้องบอกว่า จริงๆแล้วตัวละครนี้อาจจะไม่ใช่ “ครูเอลล่า” คนเดียวกับที่ผู้ชมเคยรู้จักเธอมาแล้วใน One Hundred and One Dalmatians หรือ ทั้ง 101 และ 102 Dalmatian เพราะในกรณีนี้มีความคล้ายคลึงกับตัวละคร “มาเลฟิเซนต์” ในหนัง Maleficent ที่พาเราไปทำความรู้จักกับตัวละครในอีกแง่มุมหนึ่งที่เราไม่เคยได้เห็นหรือรับรู้มาก่อน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ถึงจะมีการใส่รายละเอียด แบคกราวน์ของตัวละครครูเอลล่าในช่วงวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผมที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ปมการสูญเสียแม่ไปในอุบัติเหตุ กระทั่งการโดนสุนัขดัลเมเชี่ยนของบารอนเนส (เอ็มม่า ธอมป์สัน) ไล่กวด หรือความฝันในการอยากเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง เข้ามาเพื่อเติมเต็มส่วนที่คนดูไม่เคยรู้จักกับพื้นเพความเป็นมาของตัวละครนี้ แต่เรากลับยิ่งมองเห็นว่า ครูเอลล่าของเอ็มมา สโตน เป็นคนละคนกับครูเอลล่า ในแอนิเมชั่น เช่นเดียวกันกับที่เราเคยรู้สึกว่า มาเลฟิเซนต์ของแองเจลิน่า โจลี่ ก็ไม่ใช่ตัวละครเดียวกันกับในแอนิเมชั่น Sleeping Beauty

สิ่งที่ดิสนีย์พยายามทำอยู่ตอนนี้คือการหยิบมาแค่เพียง “คาแรกเตอร์” และ “องค์ประกอบ” ที่เคยอยู่ในแอนิเมชั่น เอามาพาสเจอร์ไรซ์ใหม่ พยายามสะท้อนให้เห็นแง่งามของความเป็นตัวร้ายที่ดูมีหัวจิตหัวใจ ผ่านชะตากรรมอันแสนน่าเวทนา ตามยุคสมัยที่ไม่ว่าจะเป็นพระเอก หรือ วายร้ายจะต้องถูก PC (Political correctness) เพื่อทำให้คนดูพยายามเข้าถึงตัวละครเหล่านี้ในฐานะปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น

ดังนั้นสิ่งที่ดิสนีย์พยายามทำหนัง Live Action ในยุคนี้และแม้กระทั่งในช่วงอีกหลายปีข้างหน้า ตัวละครไม่ว่าจะเป็นวายร้าย หรือ เจ้าหญิง พวกเขาหรือเธอเหล่านี้จะถูกใส่รายละเอียดและมิติของความเป็นมนุษย์ จนเราอาจจะกล่าวได้ว่า ตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่คนๆเดียวกันกับที่เราเคยรู้จัก และแท้ที่จริงแล้วพวกเขาเป็น “อีกตัวละคร” ที่อาจจะมาจากจักรวาลคู่ขนานในแบบเดียวกันกับที่ค่ายมาร์เวลกำลังกำหนดตรรกะ Multiverse อยู่ก็เป็นได้

กล่าวโดยสรุปคือ ตัวละครเหล่านี้พวกเขามีชื่อเรียกเดียวกัน แต่ไม่ได้เป็นคนๆ เดียวกัน และอาจจะไม่ได้มาจากจักรวาลเดียวกันด้วยนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook