FLU การรับมือโรคระบาดฉบับรวบรัด ตามประสาหนังแดนกิมจิ

FLU การรับมือโรคระบาดฉบับรวบรัด ตามประสาหนังแดนกิมจิ

FLU การรับมือโรคระบาดฉบับรวบรัด ตามประสาหนังแดนกิมจิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จะว่าไปแล้วหนังแนวภัยพิบัตินั้น เป็นสไตล์หนังโปรดปรานของผู้ชมทั่วโลกที่ชื่นชอบในการเห็นภาพจำลองเหตุการณ์ความวุ่นวาย ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเราต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายเข้าขั้นวิกฤตจนผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ตัวเอกของเรื่องจะรอดชีวิตได้ไหม แล้วชะตากรรมของมวลมนุษยชาติจะเป็นอย่างไรต่อไป

ภาพจำลองสถานการณ์โควิด-19 ฉบับรวบรัด

อย่างที่เราทราบกันดีว่าจุดเริ่มต้นของไวรัสโคโรน่า 2019 นั้นเริ่มต้นระบาดที่ตลาดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ก่อนที่ไวรัสดังกล่าวจะเกิดการแพร่กระจายไปตามทวีปต่างๆอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้ทั้งโลกต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณสุขในหลายประเทศที่ไม่อาจจะดูแลจัดการผู้ป่วยได้อย่างเป็นระบบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก นำไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจ และอีกมากมายหลากหลายปัญหาที่แต่ละประเทศยังแก้ไม่ตก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังเรื่อง Flu มีความคล้ายคลึงการระบาดของไวรัสโคโรน่าและได้เล่าถึงแรงงานต่างด้าวที่ต้องการเดินทางเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายโดยที่พวกเขา เดินทางเข้ามาในประเทศด้วยการแอบอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกสินค้าจากประเทศฮ่องกง หนึ่งในแรงงานหลากหลายชีวิตที่อัดแน่นกันอยู่นั้นกำลังป่วยเป็นไข้หวัดประหลาด

ภายหลังจากที่ตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกแรงงานต่างด้าวมาถึงท่าเรือเมืองซองนัม สองพี่น้อง บยองอู และ บยองกี ผู้มีหน้าที่เดินทางมารับแรงงานเหล่านี้ต้องตกตะลึง เมื่อพวกเขาพบว่า ในตู้คอนเทนเนอร์นั้นเต็มไปด้วยศพผู้เสียชีวิตที่ใบหน้าเกรอะกรังไปด้วยเลือด ทว่ายังเหลือผู้รอดชีวิตอีกหนึ่งคนคลานออกมาจากซากเหล่านั้น โดยที่ทั้งสองพี่น้องไม่รู้เลยว่า ชายคนนี้คือพาหะนำโรคไข้หวัดมฤตยูที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

ตามปกติแล้วโรคไข้หวัดนั้น ความรุนแรงของโรคจะแสดงอาการในช่วง 2-3 วัน แต่ดูเหมือนไข้หวัดมรณะในหนังเรื่องนี้จะสร้างความรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจได้มากกว่าที่โลกนี้เคยเผชิญมา มิหนำซ้ำอาจจะรุนแรงกว่าโคโรน่าไวรัสด้วยซ้ำไป เพราะผู้ติดเชื้อมีโอกาสจะเสียชีวิตภายในเวลาอันสั้นไม่เกิน 3 วันแถมยังทำให้อวัยวะภายในล้มเหลวจนผู้ป่วยอาเจียนออกมาเป็นเลือดกันเลยทีเดียว

 

การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและการดูแลของภาครัฐ

เมื่อเป็นโรคที่แพร่ผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ทันทีที่มีคนไอ จาม หนังเรื่องนี้ได้จำลองภาพฝอยละอองที่ปลิวเข้าสู่ตา จมูก และปาก เพื่อแสดงให้เห็นถึงการติดต่อของโรคจากคนสู่คนอย่างรวดเร็ว ในพริบตาโรคไข้หวัดมรณะนี้ได้ระบาดไปสู่สังคมจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ทันทีที่ผู้ป่วยแสดงอาการรุนแรงจนถูกเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ระบบสาธารณสุขของเมืองเกิดการล้มเหลวภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ทันทีที่วิกฤตนี้กลายเป็นปัญหาระดับประเทศ แน่นอนมันย่อมส่งผลต่อนักการเมืองท้องถิ่น คณะรัฐมนตรี และประธานาธิบดีในการจัดการแก้ไขกับปัญหา คำสั่งล็อคดาวน์เมืองจึงถูกประกาศใช้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง รวมไปถึงอพยพบรรดา “คนใหญ่คนโต” ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หมอ นักการเมือง ออกนอกพื้นที่เสี่ยงไปอย่างรวดเร็ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้คือ “สิทธิพิเศษ” ที่ทำให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าคนอื่นๆ

ถึงแม้ว่าหนังจะนำเสนอชีวิตของพระเอกอย่าง คังจีกู (จางฮยอก) ในฐานะหน่วยกู้ภัยสุดหล่อ ทรงเสน่ห์ ผู้ตกหลุมรักคุณหมอ คิมอินแฮ (ซูเอ) หลังจากที่เธอเคยขับรถตกหลุมก่อสร้างจนเกือบจะตายเป็นผีเฝ้าฐานรากถนนถ้าหากไม่ได้ คังจีกูมาช่วยทันเวลา แน่นอนว่าหลังจากที่โรคระบาดได้แพร่กระจายไป สองตัวละครนี้กลับโคจรมาเจอกันด้วยความสมพงศ์กันของโชคชะตาล้วนๆ (หรือจริงๆเพราะบทภาพยนตร์จะเขียนให้เป็นเช่นนั้นก็ตามที) ผู้ชมจะได้เห็นว่า วิธีการตัดสินใจของคุณหมอคิมในฐานะ “แม่” ที่กำลังพยายามปกปิดความจริงที่ว่าลูกสาวของตัวเองได้ติดเชื้อไข้หวัดมรณะ จนเกือบจะทำให้โรคนี้เกิดการแพร่กระจายในแคมป์กักกันผู้ป่วยด้วยก็ตาม

ถึงจรรยาบรรณแพทย์จะค้ำคอคุณหมอคิมแค่ไหน แต่ด้วยบรรทัดฐานของคนเป็นแม่ เธอจึงยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อยื้อชีวิตลูกสาวของตัวเองเอาไว้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะผิดแค่ไหนก็ตาม และพฤติกรรมดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ตัวคังจีกูเองก็ยินยอมพร้อมใจที่จะช่วยหญิงสาวที่เขาแอบชอบละเมิดกฎของทางการตั้งไว้ ใจหนึ่งก็เพราะเขาอาจจะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่า บางทีอีกไม่นานหมอคิมอาจจะเป็นผู้คนพบวัคซีนในการรักษาโรคนี้ก็เป็นได้ (ซึ่งแน่นอนว่า เพื่อกระชับเรื่องราวทั้งหมดให้คลี่คลายภายในเวลา 2 ชั่วโมง กระบวนการติดเชื้อ ระบาด รักษาโรค จะถูกทำให้จบลงในเวลาที่กำหนดนั่นแหละ)

อีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจในหนังเรื่อง FLU คือการเผยให้เห็นการทำงานที่เกี่ยวโยงกันระหว่างอาจารย์หมอ กระทรวงสาธารณสุข นักการเมืองท้องถิ่น รัฐมนตรี และประธานาธิบดีที่ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจชี้เป็นชี้ตายของประชาชนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการอพยพ ตั้งค่ายกักกันผู้ป่วย ปิดเมือง ตั้งป้อมทหารในการกีดกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อเล็ดลอดออกจากเมือง ซึ่งภายในห้วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่นาที หนังก็เผยให้เห็นว่า “การมีผู้นำที่เด็ดขาดและมีปัญญา” สามารถคลี่คลายปัญหาบางอย่างไม่ให้บานปลายเลยเถิดได้เช่นกัน

ทั้งหมดทั้งมวล FLU คือการจำลองภาพสถานการณ์ไวรัสระบาด โดยเชื่อมโยงบุคคลอันเป็นตัวแทนของผู้คนในสังคมหลากหลายภาคส่วน และสะท้อนภาพว่าเมื่อเกิดวิกฤตขึ้นประชาชนตัวเล็กตัวน้อยในสังคม ต่างก็ต้องดิ้นเราเอาชีวิตรอดอย่างกระเสือกกระสนแตกต่างจากผู้มีอำนาจที่มักจะลอยตัวอยู่เหนือปัญหาได้อยู่เสมอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook