เกมไหนที่น่าหวาดเสียวที่สุดใน Squid Game

เกมไหนที่น่าหวาดเสียวที่สุดใน Squid Game

เกมไหนที่น่าหวาดเสียวที่สุดใน Squid Game
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แน่นอนว่าบทความนี้มีการเปิดเผยเรื่องราวและสปอยล์เกมที่อยู่ในซีรีส์ ถ้าใครยังไม่ได้รับชมกรุณาข้ามบทความนี้ไปก่อนนะครับ

ก่อนเกมจะเริ่มต้น ก่อนความนองเลือดจะมา

“เพราะชีวิตคือการแข่งขัน” จะเห็นได้ว่าก่อนที่ตัวละครแต่ละตัวจะถูกเลือกเข้ามาในเกมนี้ พวกเขาล้วนแล้วแต่ถูกสืบเสาะประวัติและชีวิตส่วนตัวกันมาแล้ว ทำให้การถูกคัดเลือกด้วยการให้พวกเขาลองเล่นเกมง่ายๆแลกกับเงินรางวัลไม่มาก อย่างที่ตัวละครกีฮุน (อีจองแจ) ได้รับข้อเสนอให้เล่นเกมตั๊กจีกับทางพนักงานขายลึกลับ (กงยู) เพื่อแลกเงินรางวัล 100,00 วอน เป็นตัวอย่างง่ายๆ อันเป็นภาพสะท้อนตัวละครอื่นๆที่มาอยู่ในเกมนี้เช่นเดียวกัน

 

กติกาและเกมในแต่ละด่าน

หลังจากที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนถูกวางยาสลบและนำตัวมายังเกาะลึกลับ พวกเขาถูกขังเอาไว้ในห้องขนาดยักษ์ หลังจากตื่นขึ้นโดยที่แต่ละคนจะมีหมายเลขอยู่บนเสื้อผ้า ทุกคนจะมีโอกาสเข้าร่วมเล่นเกมทั้งหมด 6 เกมในระยะเวลา 6 วัน สำหรับผู้ชนะทั้ง 6 เกมจะได้รับเงินรางวัลมหาศาล แต่เพื่อเก็บรักษาทุกอย่างเป็นความลับ ทำให้อุปกรณ์ในการสื่อสารของผู้เข้าแข่งขันถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับจากทีมงาน ทางด้านเจ้าหน้าที่ทุกคนจะสวมหน้ากากเพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงเพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัว และให้เกมดำเนินไปอย่างยุติธรรม

ทั้งนี้ก่อนเกมจะเริ่มต้นผู้เข้าแข่งขันต้องเซ็นเอกสารในการเข้าร่วมเพื่อรับรู้ข้อแม้ของเกม อันประกอบไปด้วย 1.ผู้เล่นไม่สามารถยุติเกมโดยพลการได้ 2.ผู้เล่นที่ไม่ยอมเล่นเกมจะต้องตกรอบ 3.สามารถยุติเกมลงได้หากผู้เล่นเกินครึ่งยินยอม

 

เกมที่ 1 เออีไอโอยู หยุด

หลังจากที่ผู้เข้าแข่งเดินวนขึ้นทางบันไดสีลูกกวาดอันแสนซับซ้อน ชวนเวียนหัว ไม่มีจุดสิ้นสุดราวกับเขาวงกต พวกเขาได้เดินทางไปถึงห้องลานโล่งพื้นทรายขนาดใหญ่ โดยที่เบื้องหน้าทางฝั่งตรงข้ามมีหุ่นยนต์เด็กสาวหน้าตาดูไม่ค่อยเป็นมิตร ได้ประกาศกติกาว่า เกมนี้ผู้เล่นจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ เมื่อฝ่ายค้นหา (หุ่นยนต์) ตะโกนว่า “เออีไอโอยู หยุด” หากผู้เล่นคนใดถูกจับได้ว่าเคลื่อนไหว จะตกรอบทันที นอกจากนี้ผู้เล่นจะต้องเข้าเส้นชัยให้ได้ภายในเวลาห้านาทีอีกด้วย

แม้ตอนแรกพวกเขาจะดูกำลังงงว่าจะต้องเล่นอะไรกัน แต่ทันทีที่เวลาเริ่มเดิน และเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับการระบุตัวว่ามีผู้เล่นตกรอบ พวกเขาก็ถึงเข้าใจความหมายของคำว่า “ตกรอบ” นั่นหมายถึง “ความตาย” ได้ทันที

 

เกมที่ 2 เกมน้ำตาลแผ่น

ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับกล่องปริศนา ตามที่พวกเขาเลือกต่อแถว กติกาคือการแกะแผ่นน้ำตาลให้ออกมาเป็นตามรูปทรงที่ตัวเองได้เลือกไว้ภายในกำหนดเวลาสิบนาที โดยรูปทรงที่ง่ายที่สุดในการแกะคือ สามเหลี่ยม วงกลม ดาวและร่มตามลำดับ เนื่องจากอุปกรณ์ที่ช่วยในการแกะมีแค่เพียงเข็มขนาดเล็ก ถ้าหากใครทำแผ่นน้ำตาลแตกจนทำให้เสียรูปทรง พวกเขาจะตกรอบในทันที

 

เกมที่ 3 ชักเย่อ

บรรดาผู้เล่นที่เหลืออยู่ ถูกบังคับให้แบ่งออกเป็นทีม ทีมละ 10 คน ก่อนที่พวกเขาจะทราบว่า เกมที่จะได้เล่นคือการแข่งขันชักเย่อ แต่นี่ไม่ใช่การแข่งขันธรรมดา เมื่อทั้งสองฝ่ายต้องไปยืนอยู่บนแท่นบนความสูงเทียบเท่าตึกหลายสิบชั้น และถ้าหากทีมใดพลาดพลั้งโดนดึงจนตกปากเหว พวกเขาก็จะพ่ายแพ้และตกรอบกันยกทีม! แต่เกมนี้ใช่ว่ามีแต่พละกำลังอย่างเดียวจะชนะ การวางแผน และการทำงานเป็นทีมก็สำคัญไม่แพ้กัน

 

เกมที่ 4 เกมลูกแก้ว

ผู้เล่นต้องทำการจับคู่กันเพื่อเล่นเกมต่อไป แต่ใครจะไปเชื่อว่าเกมนี้ “คู่” ของตัวเองจะต้องกลายมาเป็นคู่แข่ง ในการเล่นกับลูกแก้ว เพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว โดยเกมนี้ไม่ได้มีกติกาตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองคนจะตกลงกันเพื่อออกแบบเกมในการใช้ลูกแก้วเพื่อหาผู้ชนะอย่างไรก็ได้ เป็นเกมที่นอกจากจะบีบหัวใจแล้ว ยังทำให้เห็นว่าการแข่งขันกับคนที่ตัวเองไว้ใจที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย

 

เกมที่ 5 เกมข้ามสะพานหิน

ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องเลือกหมายเลขของตัวเอง ซึ่งแต่ละคนยังไม่รู้ว่า ตัวเลขที่ตัวเองเลือกนั้นคือลำดับในการเดินข้ามสะพาน แต่สะพานนี้ไม่ธรรมดา เมื่อมันถูกออกแบบมาด้วยกระจกสองประเภท ฝั่งหนึ่งจะเป็นกระจกธรรมดาและอีกฝั่งเป็นกระจกนิรภัยที่รองรับน้ำหนักของคนสองคนได้สบาย แน่นอนว่าถ้าผู้เข้าแข่งขันเลือกกระจกที่จะก้าวไปผิด พวกเขาต้องร่างจากสะพานลงไปกระแทกกับพื้นด้านล่างจนหัวแตกกระจาย

 

เกมที่ 6 เกมปลาหมึก

เกมนี้ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแบ่งออกเป็นฝ่ายรุกและฝ่ายรับ โดยฝ่ายรุกจะต้องบุกฝ่าฝ่ายรับ เพื่อใช้เท้าไปเหยียบหัวของปลาหมึกเพื่อคว้าชัยชนะมาครองให้ได้ ถ้าหากฝ่ายรับสามารถผลักฝ่ายรุกที่เข้ามาไปในภาพ ให้ออกไปอยู่นอกภาพได้ก็จะเป็นฝ่ายชนะเช่นกัน อย่างไรก็ตามถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถแข่งเกมต่อได้ ฝั่งที่เหลือก็จะเป็นผู้ชนะเช่นกัน โดยความหมายของกติกาท้ายสุดนั้นมีนัยยะที่ซุกซ่อนอยู่ก็คือ ผู้เล่นทั้งสองฝั่งสามารถใช้ความรุนแรงแบบใดก็ได้ เพื่อป้องกันอาณาเขตของตัวเอง และในเมื่อเกมนี้ผู้ชนะจะมีแค่เพียงหนึ่งเดียว นั่นหมายถึงผู้เล่นต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งนั่นเอง

 

สำหรับผู้เขียน  เกมที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือเกมชักเย่อ ซึ่งทำให้เราเห็นว่า การทำงานเป็นทีมโดยมีการวางแผนนั้น เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมากในช่วงเวลาที่เกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน หรือเป็นวิกฤต นอกจากนี้การมีผู้นำที่เด็ดขาดและมีผู้ตามที่มั่นใจในตัวผู้นำ จะสามารถนำพาทีมให้รอดพ้นจากช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานได้เช่นเดียวกัน

แล้วคุณล่ะ เกมไหนน่าหวาดเสียวที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook