ไม่จับ แต่ปรับให้ปลอดภัยใน Sex Education โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

ไม่จับ แต่ปรับให้ปลอดภัยใน Sex Education โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

ไม่จับ แต่ปรับให้ปลอดภัยใน Sex Education โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กะเทยอยากจะกรี๊ดใส่หน้า กับการหาทำจับกุมผู้ผลิตคอนเทนต์โป๊ แม้จะเป็นที่ถกเถียงกันในเรื่องข้อกฎหมายและบรรทัดฐานศีลธรรมที่ทำให้มองบนแล้วมองบนอีก สิ่งที่ทำให้ประเด็นเรื่องเซ็กซ์ถูกพูดถึงกันมาก ก็เพราะว่าข่าวนี้ ดันมาพอดิบพอดีกับการกลับมาของซีรีส์แซ่บ ที่พูดเรื่องเซ็กซ์อย่างถึงเครื่องค่ะ

ใน Sex Education ซีซั่น 3

Sex Education เป็น Original Series ของทาง Netflix ที่แค่ชื่อก็ชวนอุ้วอ้า กับคำว่า Sex Education หรือบทเรียนเพศศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่กระอักกระอ่วนไม่น้อย หากมันต้องมานั่งเรียนกัน แต่ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างดงาม จนเดินทางมาถึงซีซั่นที่ 3 แล้ว โดยในซีซั่นนี้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น และความสัมพันธ์ของตัวละครที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาอัตลักษณ์ตัวตนก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน

หลังจากโรงเรียน Modale ได้เกิดเหตุการณ์แสดงละครมิวสิคัลเรื่องเพศอย่างโจ๋งครึ่ม และสมุดการบำบัดเซ็กซ์ของจีน ได้กระจายไปทั่วโรงเรียน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงหูของพ่อแม่ผู้ปกครองและนักลงทุนของโรงเรียนถึงภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม จึงมีการส่งผู้บริหารโรงเรียนคนใหม่อย่างโฮปป์มาที่โรงเรียน เพื่อปรับปรุงอะไรหลายๆอย่างให้ดีขึ้น

การมาถึงของนาง ทำให้เหล่านักเรียนตัวละครที่เป็นที่รักของเราต้องปรับตัวในอะไรหลายๆอย่าง คลินิกรักให้คำปรึกษาเรื่องเพศของ “โอทิส” และ “เมฟ” ก็ล้มไม่เป็นท่าจนมีคนมาเสียบทำหน้าที่แทน และห้องน้ำร้างก็ถูกทุบทิ้ง เหมือนกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่

ในซีซั่นนี้ เมื่อเรื่องเพศถูกพูดถึงมากขึ้น อัตลักษณ์ทางเพศที่ลื่นไหลไปมา ของวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวตน ต่างเติบโตและพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกความสัมพันธ์จะโตเป็นความสัมพันธ์ที่สวยงาม ทุกความรัก ทุกเพศสัมพันธ์ ต่างเต็มไปด้วยส่วนที่ไม่สมบูรณ์แบบ และต้องปรับเข้าหากันมาก และนั่นยิ่งทำให้ส่วนที่เรียกว่า Sex Education หรือการศึกษาเรื่องเพศเป็นสิ่งสำคัญ 

ความพีคของซีซั่นนี้ คือการพยายามปรับภาพลักษณ์ของโรงเรียนให้กลับมา “เหมาะสม” ของผู้อำนวยการคนใหม่อย่างโฮปป์ ที่เหมือนจะมาเป็นมิตรกับนักเรียนทุกคน แต่ทว่ากฎใหม่ของเธอก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนนำไปสู่การกดดันเรื่องเพศของนักเรียนยิ่งกว่าเดิม

 

แน่นอนค่ะ เทยรับบทนางสรุปประเด็นที่น่าสนใจจากทั้งซีซั่นนี้มาด้วยนะเออ

 

  • ไม่ใช่ว่าต้องวกกลับมาเรื่องเพศเสมอ

คำพูดสำคัญของจีน เมลเบิร์น คุณแม่ของโอทีสผู้เป็นนักบำบัดทางเพศ ซึ่งทำให้คนเข้าใจว่าเอะอ่ะเธอก็จะพูดให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเพศเสมอ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย การเป็นผู้รับฟังที่ดี คือสิ่งที่เธอทำกับคนรอบตัวเธอ ถึงแม้บางครั้งเมื่อทำกับลูก อาจจะมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องมากก็ตาม แต่การเป็นผู้รับฟังที่ดี ตั้งคำถามให้เกิดการทบทวนตัวเองอย่างรอบคอบ ส่วนสำคัญก็คือ จีนให้ความสำคัญกับสุขภาวะทางเพศ รวมไปถึงการให้ทุกคนรู้จักตัวเอง และยอมรับตัวเองในด้านที่ไม่สวยงาม ทั้งในเรื่องสรีระ และความคิด และนั่นมีความหมายมากกว่าการเป็นนักบำบัดทางเพศนัก

 

  • มันไม่เคยเป็นแค่เส้น

จุดเริ่มต้นของการกดขี่นักเรียน เริ่มต้นด้วยการที่โฮปป์ต้องการให้นักเรียนเดินแถวเรียงหนึ่งตามโถงทางเดิน เธอเลยให้มีการตีเส้นสีเหลืองแบ่งซีกซ้ายขวา สิ่งนี้สร้างความสับสนให้กับนักเรียนเกือบทั้งโมเดลล์ แม้บางคนจะบอกว่าดีแล้วที่โรงเรียนที่เต็มไปด้วยเรื่องสะเปะสะปะจะได้มีระเบียบขึ้นมาบ้าง แต่ในอีกทาง ฮารีม ที่รสนิยมทางเพศของเขาชัดเจนมาแต่แรก ทันทีที่เขาเห็นเส้น เขาเตือนเพื่อนทุกคนทันที ว่ามันจะไม่มีทางเป็นแค่เส้น มันจะเป็นสัญลักษณ์แห่งการแบ่งแยกและควบคุมทุกอย่าง แม้ตอนแรกที่เหมือนจะไม่มีใครฟังเขา แต่สุดท้าย มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

 

  • เรื่องมาก กับ ตะโกนขอความเป็นธรรมไม่เหมือนกัน

อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกใส่เข้ามาในซีซั่นนี้ คือตัวละครที่ไม่เข้ากรอบเพศแบบชายหญิงอย่าง Non-Binary ที่มีนักเรียนสองคน ไม่อยู่ในกรอบสำนึกของสองเพศ แม้ว่าการเปลี่ยนมาใส่เครื่องแบบ จะพอทำให้ทั้งสองคนปรับตัวได้บ้างแม้จะไม่ทั้งหมด แต่พอเป็นคาบสุขศึกษาเรื่องเพศ ที่โฮปป์พยายามจะปรับหลักสูตรให้ทุกคนหวาดกลัวเรื่องเพศ หวังจะให้ภาพลักษณ์เรื่องนี้ในโรงเรียนมันลดไป นักเรียน Non-Binary ที่ไม่ได้มีสำนึกของการต้องสอดใส่ใคร หรือมีลูกอยู่แล้ว ก็เลยถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและถูกต้อง แถมกลายเป็นว่าเมื่อทั้งคู่ส่งเสียง ก็กลายเป็นเรื่องมากไปเสีย ซึ่งนั่นไม่ถูกต้องเอาเสียเลย

 

  • เพศหลากหลายและลื่นไหลไม่ได้สวยงาม แต่มันก็ไม่เป็นไร

ในซีซั่นก่อนๆ อาจจะบอกเล่าเรื่องราวของการที่แต่ละตัวละครจะได้ค้นหาตัวเอง ว่าเขาชอบใคร มีอัตลักษณ์ทางเพศแบบไหน หรืออาจจะลื่นไหลไปด้วยก็ได้ แต่เมื่อมาถึงซีซั่นนี้ การเลือกมีจุดยืน เลือกที่จะเป็นตัวเองนั้น ไม่ได้หมายความว่ามันจะจบลงอย่างมีความสุข บางครั้งการเป็นตัวเองมีราคาที่ต้องจ่าย มีเรื่องที่ต้องคิด ต้องทะเลาะกับคนรอบข้างมากมาย และอาจจะทำให้เราเปลี่ยนไป ไม่กลับมาเป็นคนเดิมได้อีก แต่มันก็คือชีวิต และมันก็ไม่เป็นไร ถ้าเราจะเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ว่าชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบของเราคืออะไร

 

และที่ขาดไม่ได้คือประโยคเด็ดที่เมฟพูดกับโฮปป์ในคาบเรียนสุขศึกษา ว่าเธอ 

“คุณกำลังทำให้เซ็กซ์เป็นเรื่องที่น่ากลัว สิ่งที่คุณควรทำคือสอนให้เรามีเซ็กซ์อย่างปลอดภัย ไม่ใช่มาบอกให้เราหักห้ามใจ นั่นเป็นวิธีคิดที่ผิด”

นั่นสะท้อนปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมที่การกดขี่ทางเพศไม่เปิดกว้าง เพราะการไม่สอนหลักสูตรรักร้อนให้ปลอดภัย แต่ฉาบหน้าไว้ด้วยศีลธรรมหรือภาพลักษณ์ ดันทำให้สังคมเกิดปัญหาในครอบครัวมากมาย และเป็นห่วงโซ่ที่นำไปเกิดอาชญากรรมทางเพศที่ไม่เคยแก้ปัญหาได้ถูกจุดเลย

 

ในวันที่ Original Series ของ Netflix สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมสื่ออังกฤษอย่างล้นหลาม แถมสื่อของเขายังเป็น Soft Power พูดเรื่องสงครามอังกฤษในซีรีส์ได้อย่างแยบยล แถมยังสอนเรื่องสุขศึกษาทางเพศได้ดีมากๆ เรื่องหนึ่งเลยนะเธอ

ว่าแต่ ประเทศเราทำอะไรกันอยู่นะ

เหยี่ยวเทย รายงาน

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ ไม่จับ แต่ปรับให้ปลอดภัยใน Sex Education โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook