[เปิด Netflix มารีวิว] Britney vs Spears นรกที่เรียกว่าพ่อ

[เปิด Netflix มารีวิว] Britney vs Spears นรกที่เรียกว่าพ่อ

[เปิด Netflix มารีวิว] Britney vs Spears นรกที่เรียกว่าพ่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา หลังจากที่แฟนคลับทั่วโลกมีการเคลื่อนไหวติดแฮชแท็ก #FreeBritney ในช่วงปีก่อน หลังจากการที่เธอได้ขึ้นศาลเพื่อยื่นถอดถอนพ่อของเธอเองออกจากบทบาทผู้พิทักษ์ชีวิตและทรัพย์สิน ประกอบกับคลิปเสียงที่บริทนีย์ได้ให้ปากคำในชั้นศาล ว่าทำไมเธอถึงอยากจะออกจากการถูกควบคุมทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากขนาดนั้น

โดยสารคดี Britney vs Spears เป็นผลงานการกำกับของ อีริน ลี คาร์ โดยก่อนหน้านี้เธอเคยกำกับ At the Heart of Gold: Inside the USA Gymnastics Scandal สารคดีตีแผ่วงการยิมนาสติกหญิงทีมชาติอเมริกาที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศระหว่างที่ฝึกฝน เทรนนิ่งก่อนลงแข่งจนกลายเป็นข่าวฉาวและมีการขึ้นโรงขึ้นศาล หรือสารคดี I Love You, Now Die: The Commonwealth v. Michelle Carter ที่บอกเล่าเรื่องราวของมิเชลล์ คาร์เตอร์อาชญากรสาวที่สามารถหลอกล่อหนุ่มๆให้ฆ่าตัวตาย ด้วยการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือให้พวกเขาเหล่านั้นตัดสินใจปลิดชีพตัวเองซะ! ยิ่งทำให้เห็นว่าถือคือตัวเลือกที่เหมาะสมในการจะนำเสนอคดีขึ้นโรงขึ้นศาลผ่านสารคดีให้มีความน่าสนใจและเร้าอารมณ์

แม้ว่าในช่วงเวลาที่สารคดี Britney vs Spears ปล่อยออกมาจะมีช่วงเวลา 1 วันก่อนที่การพิจารณาคดีว่าบริทนีย์ จะเป็นอิสระจากการถูกควบคุมหรือไม่ ซึ่งล่าสุดในวันที่ 30 กันยายน หลังจากมีการพิจารณาคดีและผลออกมาแล้วว่าเจมี่ สเปียร์ พ่อของบริทนีย์ต้องยุติบทบาทการดำรงบทบาทการเป็นผู้พิทักษ์ชีวิตและทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อย

ถึงแม้ว่าเรื่องราวทุกอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงจะดูคลี่คลาย และแฟนคลับทั่วโลกพอใจ แต่การชมสารคดีชุดนี้ คือการขุดลงถึงเหตุและผลว่าทำไมคนที่เป็น “พ่อ” ผู้ควรจะมีหน้าที่ในการดูแลลูกและมอบความรัก ความเข้าใจ ถึงผันตัวเองให้กลายเป็นตัวร้ายให้หนังดราม่าระทึกขวัญ ที่ยิ่งสารคดีเริ่มเล่ามากขึ้นแค่ไหน ยิ่งค่อยๆเผยให้เราเห็นว่า การยึดเอาชีวิตของลูกสาวไปนั้น มีการทำเป็นขบวนการไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่ บริษัทบอดี้การ์ดในการรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงการว่างจ้างทนายในการร่างสัญญาต่างๆ เพื่อพรากอิสรภาพของบริทนีย์ สเปียร์ไป

ที่น่าสนใจมากๆคือ การที่บริทนีย์เคยถูกศาลสั่งว่าเธอเป็นผู้ไร้อำนาจในการตัดสินใจ และมีปัญหาเกี่ยวกับสมองรวมไปถึงสุขภาพจิต แต่ระหว่างทางที่กฎหมายนี้เริ่มใช้ กลับเป็นช่วงเวลาที่บริทนีย์กลับมาทำงานเพลง ออกอัลบั้ม รวมไปถึงทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก อย่างสุดความสามารถ โดยที่ในช่วงเวลาปี 2008-2019 แทบไม่เคยมีใครรู้เลยด้วยซ้ำไปว่า ป๊อปสตาร์คนนี้กำลังทุกข์ทรมานราวกับติดคุก และต้องฝืนแสร้งยิ้มมาตลอดเป็นเวลากว่าสิบปี

สารคดี Britney vs Spears จึงเป็นการตีแผ่ความล้มเหลวของ Conservatorship ในอเมริกา โดยมีบริทนีย์ สเปียร์ เป็นตัวละครสำคัญที่กลายเป็นกรณีศึกษาที่จะสั่นสะเทือนวงการศาลไปตลอดกาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook