Diana: The Musical คุกของเจ้าหญิงไดอาน่า เวอร์ชั่นละครเพลง ทาง Netflix

Diana: The Musical คุกของเจ้าหญิงไดอาน่า เวอร์ชั่นละครเพลง ทาง Netflix

Diana: The Musical คุกของเจ้าหญิงไดอาน่า เวอร์ชั่นละครเพลง ทาง Netflix
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

สำหรับ Diana: The Musical เริ่มต้นแสดงแบบพรีวิวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 ที่โรงละคร La Jolla Playhouse ก่อนที่จะถูกพัฒนาโปรดักชั่นเพื่อไปจัดแสดงต่อที่ย่านบรอดเวย์ที่โรงละคร Longacre Theatre ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2020 แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดทำให้การจัดแสดงถูกเลื่อนมาเป็นวันที่ 2 พฤศจิกายนปีนี้แทน ส่วน Netflix ได้เจรจาขอซื้อลิขสิทธิ์ในเวอร์ชั่น Live stage มาปล่อยสตรีมมิ่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2021

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในมิวสิคัลนี้ เล่าเรื่องราวในช่วงเวลาของไดอาน่าได้ตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลสแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ประเทศอังกฤษ ท่ามกลางการจับตามองของประชาชน และการแต่งงานครั้งนี้เป็นความคาดหวังของตัวราชวงศ์เองที่ต้องรับมือกับกระแสความนิยมที่กำลังถดถอยลงทุกที

อย่างที่เราทราบกันดีว่าภาพลักษณ์ภายนอกของเจ้าหญิงไดอาน่าต่อสาธารณชน เธอกลายเป็นที่รักและขวัญใจของมวลชนเป็นอย่างมาก ในความเป็นกันเองติดดินและดู “เข้าถึงได้” ไม่ได้เหินห่างแบบสมาชิกในราชวงศ์คนอื่นๆ ท่ามกลางสถานการณ์ครอบครัวที่ไดอาน่าเริ่มค้นพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชาร์ลสนั้น แท้ที่จริงแล้วการแต่งงานที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพียงเพราะหน้าที่ที่เขาต้องทำ เพราะหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักนั้นเขาได้มอบให้กับคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ สาวสังคมไปเมื่อนานมาแล้ว!  

จะว่าไปในเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Diana: The Musical ค่อนข้างเจาะจงในการเลือกสำรวจชีวิตรักระหว่างเจ้าหญิงไดอาน่าและชาร์ลส ที่ระหองระแหงมาตั้งแต่ตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ในการยืนหยัดที่จะเป็นตัวของตัวเองของเจ้าหญิงไดอาน่าในเวลาต่อมา แต่ประเด็นทั้งหลายที่เกิดขึ้นในละครเพลงเรื่องนี้ ไม่ได้เน้นในความลึกของประเด็นทั้งหลาย แต่หยิบนำมาเฉพาะเหตุการณ์อันน่าจำที่ออกข่าวในระดับโลกอาทิ พระราชพิธีอภิเษกสมรส การออกงานครั้งแรกของเจ้าหญิงไดอาน่า การออกงานการกุศลเช่นไปเยี่ยมเยียนผู้ป่วยโรคเอดส์ในโรงพยาบาล การที่เธอตัดสินใจขึ้นแสดงบัลเลต์ หรือ กระทั่งหนังสือชีวประวัติที่อื้อฉาวที่สุดแห่งยุค อย่าง Diana: Her True Story เขียนโดย แอนดรูว์ มอร์ตัน ได้ถูกนำเสนออีกเช่นกัน ว่าคนให้ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้คือตัวเจ้าหญิงไดอาน่าเอง

อย่างไรก็ตามแม้พล็อตเรื่องอาจจะดูฉาบฉวยไม่ได้เจาะลึกประเด็นอะไรมากนัก นอกจากชีวิตแต่งงานของเจ้าหญิงไดอาน่าที่ไม่ได้สวยงามและชวนฝันแบบเทพนิยายอย่างที่ใครหลายคนวาดภาพเอาไว้ สิ่งที่น่าสนใจใน Diana: The Musical คือการที่ละครเวทีเรื่องนี้เลือกจะออกแบบองค์ประกอบศิลป์โดยเฉพาะฉากเปิดตัวของเรื่องที่ไดอาน่าจะเดินเข้าประตูพระราชวังวินด์เซอร์เข้าไป แต่ไฉนเลยกลับให้อารมณ์เหมือนกับเธอกำลังเป็นหญิงสาวที่กำลังจะต้องเดินเข้าคุกที่กักขังอิสรภาพของตัวเองไปตลอดกาล

บทเพลงเปิดเรื่องอย่าง Underestimated ได้สะท้อนภาพห้วงความคิดของเลดี้ไดอาน่าในวัย 19 ปีที่ยังไร้เดียงสา ไม่เข้าใจในเรื่องราวของโลกใบนี้ กระทั่งเรื่องความรัก และเธอยังมองเจ้าชายเป็นดังไอคอนผู้แสนดีที่ไม่เคยโป้ปดโกหกใคร เชื่อยังคงเชื่อว่าความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์ เธอมองแค่ว่าการแต่งงานกับเจ้าชายน่าจะเป็นโอกาสและการได้เป็นผู้หญิงที่โชคดี ทำให้เธอลองเสี่ยงโดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นการนำพาเธอไปสู่ความทุกข์ในเวลาต่อมา

แน่นอนว่าในฐานะที่เจ้าหญิงไดอาน่าปรากฏตัวบนสื่ออยู่บ่อยครั้ง แฟชั่นและเครื่องแต่งกายของเธอจึงล้วนแล้วแต่กลายเป็นภาพจำ ละครเวทีเรื่องนี้ก็เลือกจะเล่นสนุกกับการแปลี่ยนชุดของเจ้าหญิงไดอาน่าบนเวทีหลายครั้งหลายครา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าพิธีแต่งงานดีหรือไม่ ระหว่างนั้นเองเมื่อเธอยืนยันที่จะแต่งงานเธอก็เดินอ้อมผ่านเจ้าชายชาร์ลและสามารถเปลี่ยนชุดให้กลายเป็นเจ้าสาวได้กลางเวทีภายในพริบตา! หรือกระทั่งช่วงเวลาที่ไดอาน่าต้องการจะยืมมือสื่อในการแก้แค้นสามีของตัวเอง ด้วยการสรรหาชุดสวยปังจากบรรดาดีไซน์เนอร์มาให้ตัวเองกลายเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ละครก็ใช้เทคนิคในการเปลี่ยนชุดนักแสดงภายในเสี้ยววินาทีเพื่อสร้างห้วงเวลาที่น่าจดจำของเรื่องราวไปพร้อมๆกัน

ฉากหลังของละครเวทีเรื่องนี้เน้นการใช้ประตูพระราชวังวินด์เซอร์ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อตอกย้ำว่าตลอดเวลาที่เรื่องราวทั้งหมดของเจ้าหญิงไดอาน่าได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสแล้ว เธอไม่แตกต่างอะไรจากนักโทษที่ถูกจองจำอยู่ในชีวิตที่ล้วนแล้วแต่ปราศจากความเป็นส่วนตัว สิ่งที่เธอตัดสินใจ ลงมือทำล้วนถูกตัดสิน ตีตราจากสาธารณะชนรวมไปถึงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา

แม้จะดูเป็นการเล่าชีวประวัติฉบับความยาว 2 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะดูรวบรัดตัดตอน ปราศจากการเจาะลึกในห้วงเหตุการณ์นั้นๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า Diana: The Musical ไม่ต่างอะไรจากละครน้ำเน่าหลังข่าว ที่ว่าด้วยพระเอกเพลย์บอยที่มีคนรักอยู่แล้ว แต่ตัดสินใจแต่งงานกับนางเอกเพียงเพราะหน้าที่และตำแหน่งในราชวงศ์ทำให้เขาต้องตัดสินใจทำ นางเอกผู้ใสซื่อและไม่ประสีประสาต่อโลก ต้องก้าวเข้ามาเป็นขวัญใจของชาวอังกฤษและชาวโลกในฐานะ “เจ้าหญิง” คนรักเก่าของเจ้าชายที่ได้กลายเป็นชู้รัก ตัวแปรสำคัญของความสัมพันธ์อันแสนระหองระแหงมาตลอดชีวิตการแต่งงาน เมื่อทุกอย่างถูกหลอมรวมกัน ท้ายที่สุดแล้วละครเวทีเรื่องนี้ ได้สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งในพระราชวังที่ๆคนเชื่อว่า มีความพาฝันดั่งเทพนิยายเมื่อหญิงสาวได้กลายเป็นเจ้าหญิง จะได้พบกับความสุขตลอดกาล แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรเลยที่สวยงามดั่งในจินตนาการ

ไม่ได้ใกล้เคียงแม้แต่น้อย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook