รีวิว The Unholy "ร่างทรง" ของพระแม่...
The Unholy ว่าด้วย เด็กสาวเป็นใบ้ (คริกเก็ตต์ บราวน์) ที่จู่ๆวันหนึ่งก็เกิดพูดราวกับปาฏิหาริย์ หลังจากเธออ้างว่าได้พบกับพระแม่มารีย์ในนิมิต ขณะเดียวกัน เจอร์รี่ (เจฟฟรีย์ ดีน มอร์แกน) นักข่าวฟรีแลนซ์สายขายข่าวแนวเรื่องราวลี้ลับ เหนือธรรมชาติ กำลังมองหาคอนเทนท์ที่จะนำไปขายให้กับสำนักข่าวอยู่พอดิบพอดี ทำให้เขากระโจนเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว
แม้จะเป็นเรื่องราวสยองขวัญเหนือธรรมชาติ แต่ความเป็นจริงแล้วอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือ เมื่อตัวเอกของเรื่องอย่างเจอร์รี่ที่ประกอบสัมมาอาชีพเป็นนักข่าว จะเห็นได้ว่าเขาเลือกที่จะละทิ้งจรรยาบรรณสื่อ เพื่อหาเรื่องราวที่จะนำมาขายข่าวแลกกับเงินรายได้เพื่อนำมาเยียวยาประทังชีวิตไปวันๆ
หากเราย้อนกลับไปวิเคราะห์ว่า ที่มาที่ไปของวิญญาณชั่วร้าย ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากวัตถุโบราณที่ตัวเจอร์รี่ตัดสินใจ “กระทืบ” ให้แหลกคาเท้าตัวเอง นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการ “ภาพถ่าย” ที่ดูมีเรื่องราวในตัวเอง ผนวกกับการแต่งเติมผ่าน “ตัวหนังสือ” เขาไป ก็จะทำให้องค์ประกอบสองสิ่งนี้กลายเป็นข่าวที่สามารถดึงความสนใจจากผู้อ่านได้เป็นอย่างดี
หลังจากเหตุการณ์เด็กสาวเป็นใบ้ เกิดกลับมาพูดได้ราวกับปาฏิหาริย์ เจอร์รี่ทราบดีทันทีว่า เรื่องราวแบบนี้จะกลายเป็นข่าวใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนประสบการณ์การคร่ำหวอดอยู่ในวงการสื่อสารมวลชน ทำให้เขารีบสวมหัวโขน “ผู้จัดการส่วนตัว” ให้กับเด็กสาวอย่างอลิซทันที ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขาเอ็นดูและเป็นห่วงแหล่งข่าวของตัวเอง แต่เจอร์รี่ทราบดีว่าตัวเองกำลังจะกอบโกยผลประโยชน์จากเรื่องราวเหล่านี้เพื่อสร้างเป็นเม็ดเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมากได้แค่ไหนต่างหาก
แม้ว่า The Unholy จะเป็นหนังแนววิญญาณร้ายเข้าสิง ก่อนจะเริ่มแผลงฤทธิ์ออกอาละวาดจนคนที่เกี่ยวข้องกับอลิซจะเริ่มมีอันเป็นไปทีละคนสองคน แต่ด้วยเรท PG-13 ของเรื่องทำให้ฉากการตายของตัวละครอาจจะไม่ได้ดูน่าขนลุกเกรียวหรือชวนแหวะ แต่หนังยังสามารถใช้ประโยชน์จากมุมกล้อง การเร้าอารมณ์ผู้ชมด้วยดนตรีประกอบโครมคราม ตามสูตรสำเร็จ
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือเรื่องความเชื่อและความศรัทธาของมนุษย์ในการเคารพบูชาอำนาจลึกลับที่เรามองไม่เห็น พิสูจน์ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ยังคงเป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในทุกวัฒนธรรมของประชาคมโลก ไม่ว่ากี่ยุคสมัยก็ตาม เพราะบางครั้งท่ามกลางความเลวร้าย ป่วยไข้ของโลกมนุษย์ทุกวันนี้ ทำให้คนมองหาปาฏิหาริย์บางอย่างเพียงเพื่อจะนำพาชีวิตของพวกเราให้ผ่านพ้นจากความทุกข์ยาก ไม่ว่าทางกายหรือทางใจ
คงไม่ใช่เรื่องแปลกใจอย่างใดที่ตัวอลิซเองเธออาจจะรู้สึกแค่ว่า เธอเป็นแค่เด็กสาวโชคดีที่ “พูดได้” เป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ เรื่องราวของอลิซกลับกลายเป็น “ความหวัง” สำหรับคนอีกหลายร้อยคนบนโลกที่มองหาเรื่องราวดีๆที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาบ้าง โดยที่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าทุกอย่างนั้น “มีราคาที่ต้องจ่าย” และแลกเปลี่ยนกับปาฏิหาริย์ในจินตนาการของพวกเขาเสมอ