รีวิว Escape Room: Tournament of Champions ห้องปิดตายที่ไม่มีวันจบ
หลังจากโซอี้ (เทย์เลอร์ รัสเซล) และเบน (โลแกน มิลเลอร์) คือสองผู้รอดชีวิตจากหนังภาคแรกมาได้แบบหวุดหวิด แต่ด้วยความพยายามอยากจะแฉองค์กรที่แฝงตัวในการจับผู้คนมาเล่นเกมเอาตัวรอดสุดสยองนี้ ทำให้โซอี้พยายามแกะรอยทั้งหมด แต่กลายเป็นว่าระหว่างที่กำลังสืบเบาะแสทั้งสองคนถูกดึงกลับเข้ามาในเกมห้องปิดตายอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย เมื่อผู้เล่นทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่เคยเป็นผู้ “รอดชีวิต” จากห้องปิดตายมาแล้วทั้งหมด
แน่นอนหนังยังคงชูจุดขายเรื่องฉากห้องปิดตายในแต่ละด่าน ที่ซุกซ่อนปริศนาในการเอาชีวิตรอดผ่านการแกะปมปริศนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด่านเปิดเรื่องที่ใช้รถไฟใต้ดินจำนวนหนึ่งโบกี้ที่มีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านพร้อมจะช็อตตัวละครให้ตายได้ทันทีถ้าพวกเขาทำพลาด ก่อนที่หนังจะเล่าเรื่องตามสูตรแบบเดียวกันกับหนังภาคแรกเป๊ะๆ เพียงแต่เปลี่ยนฉากหลังเท่านั้น
น่าเสียดายถึงหนังจะใส่ตัวละครใหม่เข้ามาถึง 4 ตัว แต่ก็ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายนักว่า “ใคร” จะกลายเป็นผู้รอดชีวิตไปถึงท้ายเรื่องได้บ้าง ดูโหงวเฮ้งและวิธีการให้น้ำหนักกับตัวละครแล้วก็คาดเดาไม่ได้ยากเลย จนจริงๆเราก็แอบสงสัยในบางตัวละครไม่ได้อีกเช่นกันว่า บรรดาทั้งสี่คนนี้เคยผ่านการเป็นแชมป์ห้องปิดตายกันมาจริงๆเหรอ ทำไมบางทีระบบวิธีคิดของตัวละครก็ดูไม่ค่อยน่าจะรอดชีวิตมาได้เท่าไหร่เลย
สิ่งที่น่าเสียดายอีกประการคือในเมื่อ Escape Room เป็น “ภาคต่อ” หนังก็ควรจะเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมเหล่านี้ให้มากขึ้น แต่ในเวอร์ชั่นโรงกลับเล่าเรื่องราวแต่การหนีตายของตัวละครกันเพียงอย่างเดียว (ซึ่งดูเหมือนว่าตัวผู้กำกับอย่างอดัม โรบิเทลอยากจะเล่าเรื่องส่วนนี้เช่นกัน ทำให้เวอร์ชั่นที่ออกฉายทางดิจิทัลดาวน์โหลดในต่างประเทศมีเวอร์ชั่น Extended Cut มีการเล่าฉากที่ไม่มีในเวอร์ชั่นฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย)
ในแง่ของความสนุกตื่นเต้น Escape Room: Tournament of Champions ยังทำได้สนุกไม่แพ้กับหนังในภาคแรก โดยเฉพาะในส่วนห้องปิดตายต่างๆที่ยังเอื้อให้ผู้ชมลุ้นไปกับวิธีเอาตัวรอดจากแต่ละห้อง แต่ในส่วนที่ค่อนข้างด้อยมากคือวิธีการพัฒนาตัวละครสมทบที่นอกจากจะดูใส่มาเพื่อแค่เป็นตัวประกอบของเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องทำให้คนดูแคร์แล้ว ยังรู้สึกว่าพวกเขาแทบไม่มีประโยชน์ในการจดจำเลยด้วยซ้ำไป
รวมๆแล้ว Escape Room: Tournament of Champions ยังถือเป็นภาคต่อที่ทำให้เรายังอยากจะติดตามเรื่องราวในภาคต่อไปอยู่ดีครับ