การกลับมาของลุงบอดมหาภัย ในภาคต่อ Don’t Breathe 2

 

แม้ภาคต่อจะทิ้งช่วงเข้าฉายหลังจากหนังภาคแรกถึงเกือบ 5 ปี สืบเนื่องมาจากการเปิดกองถ่ายที่ล่าช้าเพราะสถานการณ์โควิด มิหนำซ้ำหลังจากที่หนังเข้าฉายช่วงกลางปีที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา หนังภาคนี้ยังทำรายได้ในประเทศอยู่ที่ประมาณ 32 ล้านเหรียญฯเท่านั้น ประกอบกับคำวิจารณ์ที่ดูเหมือนนักวิจารณ์จะลงความเห็นว่าหนังภาคนี้มีความไม่ลงตัวอยู่เต็มไปหมด

 

เกิดอะไรขึ้นในหนังภาคต่อ

ภายหลังจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรก กินเวลาเกือบ 8 ปี นอร์แมน นอร์ดสตรอมลุงบอดขาโหด (สตีเฟน แลงค์) ได้ใช้ชีวิตอยู่กับฟินิกซ์ เด็กสาววัย 11 ขวบ เขาพยายามอบรมบ่มเพาะวิธีการเอาชีวิตรอดให้กับฟินิกซ์ นอร์แมนพยายามสร้างเรื่องราวขึ้นมาว่า เขาเป็นพ่อแท้ๆของเธอ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วฟินิกซ์ถูกเก็บมาเลี้ยงหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ จนกระทั่งวันหนึ่งบ้านของนอร์แมนก็ถูกบุกรุกอีกครั้ง โดยครั้งนี้เหล่าผู้บุกรุกต้องการที่จะช่วงชิงฟินิกซ์ไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นอร์แมนต้องรวบรวมพลังในการปกป้องเด็กน้อยที่เขา “รัก” เหมือนกับลูกสาวของตัวเอง

 

การสานต่อไอเดีย ตกลงแล้วเราควรเอาใจช่วยใครกันแน่

Don’t Breathe เล่นสนุกกับการทำให้ผู้ชมต้องลังเลว่าตกลงแล้ว เราควรจะเอาใจช่วยนอร์แมนผู้ถูกบุกรุก หรือฝั่งโจรวัยคะนองสามคน ที่ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจเข้ามาปล้นบ้านชายตาบอดจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของพวกเขา เมื่อนอร์แมนได้เผยฝีมือให้ทั้งสามรับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาเคยเป็นอดีตนาวิกโยธินเก่า ที่ใช้สัญชาติญาณในการเอาชีวิตรอด ในขณะเดียวกันระหว่างทาง ตัวหนังเองก็เริ่มเผยให้คนดูได้เห็นเช่นกันว่านอร์แมนก็ไม่ใช่คนที่ดีเลิศแต่อย่างใด เพราะความชั่วร้ายที่เขาซุกซ่อนมาตลอดชีวิต กลับทำให้ผู้ชมเบนเข็มไปเอาใจช่วยเหล่าวัยรุ่นในการเอาชีวิตให้รอดจากเงื้อมือของนอร์แมน

จะว่าไปแล้วทั้งสองฝั่งตัวละครในหนังภาคแรกต่างล้วนแล้วแต่เป็นคนเลว ที่บังเอิญโคจรมาเจอกันถูกที่ถูกเวลา การบุกเข้าบ้านคนอื่นเป็นเรื่องที่ผิด ในขณะเดียวกันวิธีปราบคนร้ายของนอร์แมนก็จัดได้ว่าโหดเหี้ยมผิดมนุษย์เช่นกัน และนั่นคือสิ่งที่เฟเด อัลวาเรซผู้กำกับภาคแรกตั้งใจจะสร้างสถานการณ์ซับซ้อนทางอารมณ์ที่จะทำให้ผู้ชมเองรู้สึกขัดแย้งในใจอยู่ตลอดเช่นกัน

 

ความรุนแรงไม่เคยนำไปสู่ตอนจบแฮปปี้เอนดิ้ง

ปฏิเสธไม่ได้เลยเช่นกันว่า ความสำเร็จของหนังภาคแรกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากคาแรกเตอร์ชายตาบอดอย่างนอร์แมน การที่เขากลับมาในหนังภาคนี้ยังเผยให้เราเห็นว่าตัวละครนี้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความรุนแรงมาโดยตลอด และในทุกการกระทำนั้น นำไปสู่บทสรุปที่รุนแรงเช่นกัน เมื่อนอร์แมนได้ทำเรื่องเลวร้ายมาตลอดชีวิต เขาย่อมต้องได้รับบทเรียนเข้าสักวัน

ในหนังภาคนี้ทีมจึงไม่อยากจะสร้างภาคต่อที่เป็นแบบเดิม แต่คงไว้ซึ่งโครงสร้างเดิมแต่มีเรื่องราวบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยการโยนคำถามใส่ผู้ชมใหม่ว่า ในภาคนี้คนดูมีความรู้สึกอย่างไรกับตัวละครนอร์แมนเมื่อเขาพยายามจะใช้ชีวิตและเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งในเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกันหนังก็ทิ้งปริศนาหลายอย่างเอาไว้ตั้งแต่เปิดเรื่องว่าสรุปแล้ว นอร์แมนกำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงหรือเปล่า

 

ชายผู้หลงผิดคิดว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูกต้อง

สำหรับ Don’t Breathe 2 จะกลายเป็นหนังสำรวจตัวละครอย่างแท้จริง โดยเฉพาะความพยายามนำเสนอการต่อสู้กับนอร์แมนและคนชั่วที่บุกเข้ามาในบ้านของเขา แต่จริงๆแล้วนอร์แมนเองกำลังหลงผิดคิดว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ถูกที่ควร แต่กลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงและเนื้อในของตัวเองได้เลย

นอร์แมนจัดเป็นตัวละครประเภทที่เข็มทิศทางศีลธรรมพังลงอย่างสิ้นเชิง คนเช่นนี้มักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนดีทำถูกต้อง โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นเป็นคนเลวที่คิดว่าตัวเองกำลังเป็นคนดีเอาซะเหลือเกิน (คล้ายๆกับผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศไทยไหมครับ) ทั้งที่ชีวิตของเขาล้มคว่ำมาแล้วต่อหลายครั้ง แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปของเขาทำให้ตัวเองไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรคือความถูกต้องและความผิดพลาด แต่จริงๆแล้วนี่อาจจะเป็นแค่เรื่องการ “อยู่” หรือ “ตาย” เท่านั้นก็ได้

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของ Don’t Breathe 2 คือการที่หนังภาคนี้ต้องการนำเสนอ “ตัวร้าย” จากหนังภาคแรกให้กลายเป็นตัวเด่นและผู้เดินเรื่องสำคัญในหนังภาคนี้ เราไม่สามารถเปลี่ยนความจริงให้เขากลายเป็นพระเอกได้ เพราะเขาไม่ได้สร้างคุณงามความดีอะไร เขาแค่ต้องการจะมีชีวิตรอด แต่ผู้สร้างสามารถเล่าเรื่องราวภายใต้มุมมองของตัวละครนี้ได้ และเปิดโอกาสให้ผู้ชมเองได้เข้าไปล้วงลึก สำรวจชีวิตและตัวตนของตัวละครนี้ รวมไปถึงทำความเข้าใจว่าเราจะได้พบอะไรที่ยังไม่เคยสัมผัสจากตัวละครอย่างนอร์แมนด้วยเช่นกัน

Don’t Breathe 2 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้