คุยกับ ผกก.โดม สิทธิศิริ และ เจนนิษฐ์ กับซีรีส์หลอน Folklore ซีซั่น 2 (Broker of Death)

ความเชื่อและตำนานลี้ลับทั่วเอเชียที่บอกเล่าผ่าน Folklore ออริจินัลซีรีส์สยองขวัญจาก HBO Asia ดำเนินมาถึงซีซั่น 2 กับการถ่ายทอดเรื่องราวความเชื่อและตำนานอันลี้ลับ สู่ซีรีส์ 6 ตอน จากไต้หวัน ญี่ปุ่น ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ และยังเพิ่มปัจจัย ‘ความกลัว’ เพื่อทดสอบสภาพจิตใจของมนุษย์เมื่อได้สัมผัสกับพลังเหนือธรรมชาติอีกด้วย โดยเล่าเรื่องผ่านมุมมองอันหลากหลายและแตกต่างกันของผู้กำกับแต่ละคน

Folklore ซีซั่น 2 หนึ่งในเรื่องราวจากซีรีส์ 6 ตอนเป็นผลงานของผู้กำกับชาวไทย โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ ถ่ายทอดเรื่องราวความสยองขวัญผ่านตอนที่มีชื่อว่า Broker of Death ได้นักแสดงนำมากฝีมือ ต้น-นฑี งามแนวพรม และ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ มาถ่ายทอดเรื่องราวของสองพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ทำอาชีพเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง เพื่อหาเงินรักษาอาการป่วยของลูกสาวคนเดียว เขาเลยเข้าสู่เส้นทางความหลอนที่ทำให้เขาได้เผชิญความสยองกับตัว

Sanook ได้รับโอกาสที่ดีจากทาง HBO GO ร่วมสัมภาษณ์พิเศษกับผู้กำกับมากฝีมือ โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ และนักแสดงนำ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ พูดถึงการทำงานในซีรีส์คุณภาพจัดเต็มความหลอนเรื่องนี้ ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์นี้กันเลย!

Q: Broker of Death เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร มีความพิเศษยังไง พูดถึงเรื่องราวของเรื่องนี้หน่อย 

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: เป็นเรื่องราวของมานพ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีลูกสาวชื่อเจิน และมีอาชีพเป็นนายหน้าหาเครื่องรางของขลัง หรือแม้แต่อุปกรณ์บางอย่างเพื่อเอาไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ ทำทุกอย่างแลกกับเงิน จนเข้าไปพัวพันกับศพนิรนาม และได้เกิดเรื่องราวน่ากลัวเกิดขึ้น

Q: เจนนิษฐ์ช่วยพูดถึงบทบาทของเจินในเรื่องนี้หน่อย 

เจนนิษฐ์: ในเรื่องนี้ เจิน ก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ป่วยแล้วก็อยู่ที่บ้านกับพ่อแค่สองคน ส่วนพ่อก็จะทำงานเกี่ยวกับของขลังที่เราเองก็ไม่ได้เชื่อว่ามันช่วยอะไรขนาดนั้น เพราะครอบครัวก็ไม่ได้ดูจะดีขึ้นจากการทำงานเกี่ยวกับของขลังที่พ่อเราบอกว่ามันจะดี ก็มีความขัดแย้งแต่เราก็ห่วงเขาด้วยเพราะมันเป็นอาชีพที่ค่อนข้างมีความเสี่ยง ซึ่งเราก็เขาใจเข้าว่าเขาอยากช่วยเรา ช่วยครอบครัว แต่เราก็คิดว่ามันจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม (ทำการบ้านยังไงกับตัวละครนี้) ตอนแรกหนูก็คิดว่าหนูจะเล่นเป็นคนป่วยได้หรือเปล่า เพราะหนูดูเป็นคนแข็งแรงมาก (หัวเราะ) เป็นทั้งคนป่วยด้วยและอยู่กับป๊าแค่สองคนด้วย ซึ่งในชีวิตจริงหนูจะอยู่กับแม่มากกว่าค่ะป๊าจะอยู่ที่ต่างจังหวัด ก็จะมีความปฏิบัติตัวไม่เหมือนกันแบบที่อยู่กับแม่ที่เป็นเพศเดียวกัน แตกต่างกับอยู่กับป๊า ซึ่งในตัวเจินเวลาเป็นห่วงก็ไม่ได้ใกล้ชิดมาก เราแค่แสดงออกทางคำพูดมากกว่า เจินจะมีความกลัวผีมากกว่าหนู (หัวเราะ) เวลาหนูกลัวจะไม่ค่อยออกอาการ แต่เจินจะแสดงออกมากกว่า หนูทำการบ้านโดยการดูหนัง Horror เสพมาเยอะมาก ก็เลยเอามายำๆ รวมกัน และเล่นให้พี่โดมดู ชอบแบบไหนก็ใช้เลยค่ะ

Q: ทำไมถึงเลือกพี่ต้น นฑี และ เจนนิษฐ์ มารับบทพ่อลูกในเรื่องนี้

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: พี่ต้น ณฑี เราก็แคสติ้งเลยครับ ผมต้องการคนที่เข้ากับบทบาท ทั้งสองคนนี้ก็เหมาะสมในแง่คาแรกเตอร์ ส่วนเจนนิษฐ์ ผมชอบงานหนังของเขา Where We Belong เห็นการแสดงก็รู้สึกชอบมากอยากร่วมงานด้วย ก็เลยชวนมาเล่นเลย แล้วน้องก็มา (หัวเราะ)

Q: First impression ที่ได้เจอกันทั้งผู้กำกับ นักแสดง เป็นยังไงบ้าง

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: นักแสดงที่ดีสำหรับผม จริงๆ ต้องเป็นคนฉลาดมากนะครับ หมายถึงว่าโดยส่วนตัวผมคิดว่านักแสดงไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเยอะมาก ถ้าเกิดหัวไวและมีสมาธิสูงกับการอยู่กับตัวเรื่อง มันก็จะได้การแสดงที่ค่อนข้างจะดี ซึ่งตัวเจนนิษฐ์เองเป็นแบบนั้น เขามีสมาธิสูงมาก และหัวไว พอหัวไวเวลาเล่นอะไรกันมันจะรีแอคกันเดี๋ยวนั้น ซึ่งของแบบนี้มันเตรียมจากที่บ้านมาก็ไม่ได้ มันต้องใช้บรรยากาศในกองถ่าย ผมว่านักแสดงที่ดีมันควรจะมี 2 สิ่งนี้สำหรับผม ซึ่งเจนนิษฐ์ก็ตอบโจทย์ เขามีสองสิ่งนี้ ก็เลยทำให้การทำงานราบรื่น จริงๆ ผมก็ไม่ได้ไกด์อะไรเขามานะครับ ไหลๆ ปล่อยให้เขาเล่นไป แล้วเราก็เลือกเอา

เจนนิษฐ์: ตอนแรกจะพูดว่าไม่ได้ทำการบ้าน มันจะดูไม่ดีไปหรือเปล่า แต่ถ้าทำมาก่อนมันจะดูออก พี่โดมจะดูออกแน่นอนว่าคิดมาแล้ว มันจับว่า 1 2 3 จะเห็นชัดเลยว่าไม่ธรรมชาติ เพราะเราไม่ได้รีแอคกับสิ่งตรงหน้า แต่เป็นสิ่งที่เราคิดมาก่อน มันเลยไม่ได้ อย่างถ้าเข้าซีนกับพี่ต้น เขาก็ไม่ได้เล่นเหมือนกันทุกรอบ เราก็ต้องเปลี่ยนรีแอคตามเขาไป เพราะฉะนั้นเตรียมาก่อนไม่ได้ หนูชอบมาหน้างานมากกว่า ถ้าเราเล่นติดขัดตรงไหนเรามีพี่โดมบอก ก็ค่อยเปลี่ยน ปรับๆ กันไปค่ะ (เจนนิษฐ์ได้ร่วมงานกับพี่ต้นเป็นยังไงบ้าง) ตอนแรกที่เจอพี่ต้นก็กลัวๆ นิดหน่อยเพราะไม่เคยเจอ ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน เพราะลุคเขามาหนูว่าใช่มากเลย สำหรับการเป็นตัวละครในเรื่อง สูบบุหรี่ พูดจาเสียงดังตามสไตล์พ่อค้า แต่จริงๆ พี่ต้นใจดีนะคะ ตอนทำงานด้วยกัน เซฟหนูมากๆ คอยเช็คนู่นนี้ให้ตลอดว่าโอเคไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า  

Q: ผู้กำกับโดมเคยให้สัมภาษณ์ว่าคุณเป็นคนเซอร์เรียลระดับหนึ่ง แต่เล่าเรื่องไม่จริงบนพื้นฐานความจริงได้ ส่วนนี้คุณเลยเลือกหยิบอาชีพหากินกับศพมาเล่าเรื่อง ได้ไอเดียการสร้างเรื่องนี้มาจากไหน

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: เป็นไอเดียที่ได้มาจากการมองรอบตัว ซึ่งทาง HBO ก็ไม่ได้มีโจทย์ว่าต้องทำอะไร เวลานั้นเรื่องราวที่เรารู้สึกกับมันจากการอ่านข่าว เจอข่าวมีการขโมยศพ มีการขโมยกะโหลก ค่อนข้างเยอะมากเลยรู้ว่าน่าสนใจ ลองรีเสิร์ช อ่านข่าว คุยกับคนดูสิว่า มันมีกระบวนการค้าขายสิ่งนี้ ใครเป็นคนจ้าง ศพเหล่านี้ กะโหลกเหล่านี้มันจะไปอยู่ที่ไหน จากป่าช้าแล้วจุดหมายมันจะไปอยู่ที่ไหน พอเรารู้สึกจากข่าวเราก็เลยคิดว่าเอามาทำหนังดีกว่า

Q: เจนนิษฐ์ หลังจากเล่นเรื่องนี้มีเอฟเฟกต์กันตัวเราไหม

เจนนิษฐ์: ไม่เลยค่ะ ส่วนตัวเล่นแล้วจบเลยค่ะ ถ้าเป็นดูหนังเศร้าจะดิ่งต่อนิดหน่อย แต่ถ้าไปเล่นเองก็ไม่ค้างเลยค่ะ 

Q: ความท้าทายในการเล่าความหลอนของ Broker of Death พร้อมกับความสัมพันธ์พ่อ-ลูก คืออะไร

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: จริงๆ เป็นเรื่องตัวละครเลยครับ เมื่อเรามีประเด็นที่จะเล่าแล้ว เราก็สร้างตัวละครขึ้นมา ให้ตัวละครมีธุรกิจในการจัดหา เราก็เอาสองเรื่องนี้มาบวกกัน แล้วก็ตั้งคำถามต่อ เขามีลูกไหม? เขามีครอบครัวไหม? สภาพความเป็นอยู่เขาเป็นยังไงคนแบบนี้ ลูกเขาเป็นยังไง ลูกแข็งแรงดีหรือป่วย เขาทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เพื่อหาเงินเหรอ? มันก็เป็นคำถามที่เราต่อมาเรื่อยๆ จนเป็นสคริปต์ออกมา มันเกิดจากคำถามในการคิดต่อเรื่อยๆ ครับ 

Q: บรรยากาศในซีรีส์ Broker of Death ทำคนดูคิดถึงบรรยากาศความหลอนของหนังผีไทยที่คุ้นเคย อีกทั้งยังหยิบเรื่องของขลัง ความเชื่อ ศรัทธา มาเล่าในเรื่อง คิดว่าจุดนี้เป็นสิ่งทำให้ผู้ชมเข้าถึงเรื่องได้ง่ายกว่าหรือเปล่า

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: จริงๆ ผมว่าคงไม่ต่างกันนะครับทั้งเอเชีย เรื่องราวของขลัง บรรยากาศ ความเชื่อเหล่านี้ ผมว่าคนจะอินได้ไม่ยาก ทุกคนน่าจะมีประสบการณ์ร่วมกันทั้งหมด

Q: ในเรื่องดราม่าเข้มข้น บรรยากาศในกองถ่ายเป็นยังไงบ้าง 

เจนนิษฐ์: สำหรับหนูตัวบ้านเซ็ตมาน่ากลัวอยู่นะคะ อย่างห้องที่มันมืดๆ ถึงจะรู้ว่ามีคนอยู่ข้างหลัง แต่ก็จะแอบจินตนาการว่าถ้ามันไม่ใช่คนนั้นล่ะ (หัวเราะ) เรื่องลี้ลับทั้งชีวิตนี้หนูไม่เคยเจอเองเลยค่ะ ในกองถ่ายกองพี่โดมไม่มีค่ะ แต่กองตอนเด็กๆ มีค่ะ (หัวเราะ)

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: ในกองผมไม่เจออะไรครับ ถ่ายหนังผีแต่ไม่มีผีครับ คนเยอะมาก (หัวเราะ)

Q: พูดถึงการร่วมงานกับ HBO ช่วยเล่าถึงความยาก-ง่ายในการทำงานในซีรีส์หน่อย

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: ผมค่อนข้างดีใจครับ ผมคิดว่าเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้นำเสนอเรื่องราวแบบเวิลด์ไวด์ เพราะมันมีคนดูมากกว่าประเทศเรา เป็นโอกาสที่เราได้เล่าเรื่องออกไป เป็นโอกาสที่ดีกับนักแสดงทุกคนที่จะได้แสดงให้ทุกคนเห็น กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศเรา ประเด็นที่มันซ่อนอยู่ในหนังมันสะท้อนอะไร การที่เราได้ทำกับ HBO ถือว่าเป็นประโยชน์ที่จะนำพาสิ่งที่เราตั้งคำถามไปได้ไกลขึ้น และมีคนรับรู้ถึงเสียงของเรามากขึ้น รู้สึกยินดีมากครับผม

เจนนิษฐ์: จริงๆ เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงาน และแฟนคลับตื่นเต้นมากพอรู้ว่าโปรเจกต์นี้ได้ร่วมงานกับ HBO go ร่วมกับต่างประเทศด้วย เขาดีใจกับเราที่ประสบความสำเร็จเติบโตขึ้นไปอีกขั้น รู้สึกดีใจมาก ยินดีและเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับ HBO go ค่ะ

Q: คิดว่าซีรีส์ Broker of Death เป็นซีรีส์แนวไหน เหมาะกับคนกลุ่มไหน?

เจนนิษฐ์: หนูคิดว่าดูได้ทุกคนทุกเพศทุกวัยนะคะ ช่วงนี้ก็สายมูเยอะ เรามูกันเราดูที่ผลลัพธ์แต่เราลืมดูไปว่าสิ่งที่เรามู มาจากไหนมายังไง ต้นกำเนิดเขาเอาอะไรมาให้เรา จะได้รู้สึกว่าค้นหาข้อมูลก่อน ระวังตัวก่อนที่จะเลือกบูชาสิ่งไหน มันเป็นสิ่งมงคลจริงๆ หรือเปล่า สีขาว สีเทาหรือสีดำ ก็ว่าไปค่ะ

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: คนชอบหนังผีก็ดูได้ คนชอบหนังดราม่าก็ดูได้ครับ

Q: ความเชื่อของขลังกับวิญญาณ ในมุมของเราเชื่อเรื่องนี้กี่เปอร์เซ็นต์

เจนนิษฐ์: ให้เป็นเปอร์เซ็นต์ยากจังค่ะ อืม สัก 50-60% เราก็มูด้วย เราก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเชื่อ แต่ว่าทำเพื่อความสบายใจ

ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ: ผม 50-50% ครับ ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ครับ

ติดตามซีรีส์ Folklore ซีซั่น 2 ได้แล้ววันนี้ เฉพาะทาง HBO GO เท่านั้น