"ปริศนารูหลอน" (The Whole Truth) เมื่อความจริงอยู่ที่มุมมองของเจนเนอเรชั่น

"ปริศนารูหลอน" (The Whole Truth) เมื่อความจริงอยู่ที่มุมมองของเจนเนอเรชั่น

"ปริศนารูหลอน" (The Whole Truth) เมื่อความจริงอยู่ที่มุมมองของเจนเนอเรชั่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ซีรีส์สัญชาติไทยอย่าง “เคว้ง” ซึ่งตั้งใจจะสร้างเป็นออริจินัลซีรีส์ทาง Netflix เกิดคว่ำสนิทและเคว้งสมชื่อ จนโครงการสร้างซีซั่นต่อไปดูลางเลือนเต็มทน แต่ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าตัวเค้าโครงของซีรีส์เองมีความน่าสนใจอยู่ในแง่ของความลับบนเกาะที่ตัวเอกของเรื่องต้องเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์แปลกประหลาด จนซีรีส์จบลงด้วยการทิ้งปริศนาเบอร์ใหญ่เอาไว้ให้คนดูหยิบเอามาถอดรหัสเล่นจนเป็นกระทู้ถามอยู่มากมาย

เช่นเดียวกันกับซีรีส์อย่าง “เด็กใหม่” ที่หลังจากประสบความสำเร็จในซีซั่นแรก จนมีการต่อยอดซีซั่นที่ 2 ตามออกมา คาแรกเตอร์ตัวเอก (ในคราบนางร้าย) จอมโหด ผู้ตามคิดบัญชีกับบรรดาคนชั่วในสังคมวัยรุ่น  นอกจากนี้การแสดงของคิทตี้-ชิชา อมาตยกุล คือภาพจำที่ทำให้ซีรีส์เด็กใหม่ค้างเติ่งอยู่ในความทรงจำของผู้ชมอีกด้วย

หากเราลองมองในส่วนของภาพยนตร์ที่ถูกส่งตรงฉายทาง Netflix ไม่ว่าจะเป็น GHOST LAB ฉีกกฎทดลองผี (ของค่าย GDH) หรือ  DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย (ของค่ายทรานส์ฟอร์เมชั่นฟิล์ม) ต่างมีจุดที่น่าสนใจคือการขายคอนเซ็ปท์เป็นหนังไซไฟ-สยองขวัญ-ระทึกขวัญ ที่มีตัวเอกเดินเรื่องเป็นวัยรุ่นที่พยายามเสาะแสวงหาคำตอบท้าทายกับความเชื่อ หรือพยายามหาเงินก้อนใหญ่เพื่อนำพาชีวิตของตัวเองให้บรรลุกับความปรารถนาตามช่วงวัยของตัวเอง

ถึงแม้ว่าหนังทั้งสองเรื่องจะมีรายละเอียดและประเด็นที่แข็งแรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าเมื่อมองในแง่ของภาพรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแสดง บทภาพยนตร์ การตัดต่อ ทุกอย่างดูไม่เป็นเนื้อเดียวกันและดูอิรุงตุงนังจนผู้ชมเกิดคำถามกับสิ่งที่ตัวเองกำลังรับชมอยู่ว่า ตกลงแล้วหนังต้องการจะนำเสนออะไรกันแน่ และชะตากรรมเช่นกันก็เกิดขึ้นกับ “The Whole Truth ปริศนารูหลอน” เช่นเดียวกันราวกับประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!

ปริศนารูหลอน บอกเล่าเรื่องราวของสองพี่น้อง พิม พัท (รับบทบาทนี้โดย ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ และแม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์) ที่จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านคุณตา (สมภพ เบญจาธิกุล) และคุณยาย (ทาริกา ธิดาทิพย์) เป็นการชั่วคราว หลังจากที่แม่ของทั้งสองประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนอาการสาหัสโคม่า นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ระหว่างที่อยู่ในบ้านของตายาย สองพี่น้องได้พบกับรูที่ผนัง เมื่อมองทะลุเข้าไปพวกเขาพบกับภาพเหตุการณ์อันน่าตกตะลึง ราวกับเป็นวิดีโอย้อนอดีต แต่ตายายกลับบอกว่าพวกเขาไม่เห็นรูใดๆที่ผนังเลยสักนิดเดียว!

 

(จากนี้ไปมีการพูดถึงไคลแม็กซ์ของหนัง ถ้าหากยังไม่ได้รับชมกรุณาปิดบทความนี้ไปก่อน)

 

เมื่อเราลองถอดรหัสสิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้แล้ว เราพอจะตีความจากบทสรุปทั้งหมดได้ว่า เรื่องราวโกลาหลทั้งหมดเกิดขึ้นจากความขัดแย้งของ Generation เราจะสามารถจำแนกแยกย่อยตัวละครในเรื่องออกเป็นหลายช่วงวัยได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคุณตาคุณยายที่อยู่ในช่วงผู้สูงอายุ ซึ่งถ้าเราจะประเมินพวกเขาก็น่าจะอยู่ในเจนเนอเรชั่น Baby Boomer ที่เติบโตมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ยึดมั่นในหลักการของตัวเอง เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าทุกครั้งที่คนรุ่นหลานอย่างพิม พัท พยายามจะชี้แจงหรือแสดงความเห็นของพวกเขาออกไป มักจะโดนขัดและตัดบทสนทนาในทันที

พิมและพัทเป็นตัวแทนของ “คนรุ่นใหม่” หรือเจนเนอเรชั่น Z ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อพวกเขามองเห็นสิ่งผิดปกติผ่าน “รู” ปริศนา พวกเขาจึงเริ่มตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นหลังกำแพงกันแน่

อย่างไรก็ตามเมื่อหนังเฉลยว่าสิ่งที่ตัวละครได้มองเห็นผ่าน “รู” ดังกล่าวอันเป็นร่องรอยของ “กระสุนปืน” ที่เคยคร่าชีวิตของพ่อแท้ๆของพิมและพัท รวมไปถึง พินยา อีกหนึ่งลูกสาวของแม่ (นิโคล เทริโอ) ที่โชคร้ายเกิดมาพร้อมกับความพิกลพิการจนไม่ได้รับการยอมรับจากยาย และกลายเป็นเหยื่อของการถูกวางยาเบื่อหนูลงในแก้วนม

รูที่ผนังห้องในเรื่องจึงกลายเป็นตัวแทนของการบอกเล่าความจริงในอดีตหรือปัญหาที่ถูกซุกซ่อนไว้จากการรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นมโนสำนึกของตัวเอง หรือแม้กระทั่งความจริงตามประวัติศาสตร์ที่ถูกมองข้าม ละเลย และปกปิดเอาไว้ราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การ “มองเห็น” ของพิมและพัท จึงเป็นเหมือนการหยิบเอาประวัติศาสตร์มาตั้งคำถามอีกครั้ง ว่าตกลงแล้วสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นเป็นเคราะห์กรรมของคนในเจนเนอเรชั่นรุ่นตายาย รวมไปถึงพ่อแม่ของพวกเธอที่สร้างสิ่งเหล่านี้เอาไว้หรือเปล่า

อย่างไรก็ตามที ดูเหมือนว่าบทสรุปทุกอย่างที่เราได้เห็นไม่ว่าจะเป็น “คนร้ายตัวจริง” ที่สุดท้ายแล้วก็ลอยตัวเหนือปัญหา เพียงเพราะ “ความรัก” จากอีกเจนเนอเรชั่นพยายามโอบอุ้มไม่ให้พวกเขาต้องรับกรรม แต่ท้ายสุดแล้ว “ความลับ” ที่พวกเขาเก็บซ่อนเอาไว้ ก็นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมที่นำไปสู่ความตายอยู่ดี

ความขัดแย้งทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ในเรื่องจึงมีความ “รุนแรง” และน่ากลัวไม่ต่างอะไรจากการปรากฏตัวของผีพินยา ที่ยังคงตามหลอกหลอนคนที่เกี่ยวข้องทุกคนในฐานะ “ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์” ที่ไม่มีวันจะหายไปไหน แม้ว่าผู้ร้ายที่ฆ่าเธอจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังมีตัวตนในการรับรู้ของคนในครอบครัวนี้เช่นเดิม

น่าเสียดายอยู่ตรงที่ถ้าเราสลัดแว่นตาการตีความบริบทที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง The Whole Truth ปริศนารูหลอน” ยังไม่สามารถทำหน้าที่เป็นหนัง “ผี” ที่ดูสนุกสักเท่าไหร่ เพราะองค์ประกอบในเรื่องนั้น ดู “ไปคนละทิศคนละทาง” พอสมควร!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook