ถึงเวลาหวนกลับไปสู่โลกแมทริกซ์ใน The Matrix Resurrections

ถึงเวลาหวนกลับไปสู่โลกแมทริกซ์ใน The Matrix Resurrections

ถึงเวลาหวนกลับไปสู่โลกแมทริกซ์ใน The Matrix Resurrections
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงเวลาที่เราจะหวนกลับไปสู่โลกที่ความจริงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน นั่นคือความจริงในชีวิตประจำวันและความจริงอีกด้านที่ถูกซ่อนเอาไว้อยู่ เพื่อค้นหาความจริงของมิสเตอร์แอนเดอร์สันว่าตกลงแล้วเรื่องราวของเขานั้นเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้หรือแค่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ในจิตใจกันแน่ มิสเตอร์แอนเดอร์สันจึงต้องตามกระต่ายขาวไปอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้าสมมติว่านีโอสามารถเรียนรู้อะไรได้ขึ้นมาอีก นั่นอาจจะหมายถึงทางเลือกก็เป็นได้

ภาพหลอนที่เกิดขึ้นในหัวของนีโอ เขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไรต่อ แต่บางทีสิ่งที่นีโอยังไม่รู้คือเดอะแมทริกซ์นั้นแข็งแกร่ง ปลอดภัยและอันตรายกว่าเดิม

 

หวนทบทวนเรื่องราวใน The Matrix ภาคแรก

หนังเล่าเรื่องราวของนีโอ ชายหนุ่มผู้เป็นแฮ็คเกอร์ผู้ได้รับข้อความปริศนาให้ “ตามกระต่ายขาว” ไป เขาต้องเลือกทานยาเม็ดสีแดงเพื่อตื่นขึ้นและรับรู้ว่าความจริงแล้วโลกที่เขาใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้เป็นแค่ความจริงเสมือน หรือเขาสามารถเลือกทานยาเม็ดสีฟ้า เพื่อลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตตามเดิม เมื่อนีโอตัดสินใจทานยาเม็ดสีแดงและตื่นขึ้นมาพบว่ามนุษย์เป็นเพียงแหล่งพลังงานให้กับเหล่าเครื่องจักร เขาจึงตัดสินใจร่วมมือกับมอร์เฟียสและทรินิตี้ในการฝึกฝนตัวเองเพื่อต่อกรกับเหล่าเอเจนท์ โปรแกรมรักษาความปลอดภัยและปกป้องเดอะแมทริกซ์

หมุดหมายสำคัญของ The Matrix ภาคแรกนั้นคือการปฏิวัติวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดในยุค 90 แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบท งานภาพ สเปเชียลเอฟเฟค ไปจนถึงคิวบู๊ อีกทั้งยังสามารถทำรายได้ถล่มทลาย พร้อมกับคำวิจารณ์ในแง่บวกที่ผสมผสานปรัชญาล้ำลึกเข้ากับความบันเทิงอย่างกลมกลืน ชาญฉลาด จนสุดท้ายหนังเรื่องนี้คว้ารางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัล ในด้านเทคนิคต่างๆ แน่นอนหลังจากความสำเร็จของภาคแรกทำให้มีภาคต่อตามออกมาทั้ง The Matrix Reloaded และ The Matrix Revolutions ในปี 2003 ที่เล่าเรื่องราวต่อเนื่อง และการต่อสู้ในชัยภูมิสุดท้ายของมนุษย์ที่เรียกว่า “ไซออน” ก่อนเครื่องจักรจะบุกทำลายให้ราบคาบ

 

การกลับมาครั้งสำคัญของ The Matrix Resurrections

การกลับมาในครั้งนี้ หนังเป็นผลงานการกำกับของ ลาน่า วาโชว์สกี้ แบบฉายเดี่ยว เพราะก่อนหน้านี้เธอและลิลลี่ น้องสาวนั้น กำกับซีรีส์เรื่อง Sense8 มาสักระยะทำให้เธออยากจะพักงานกำกับชั่วคราว เลยทำให้ลาน่าต้องเขียนบท กำกับ และนั่งแท่นอำนวยการสร้างด้วยตัวคนเดียว

อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงประการสำคัญในหนังภาคนี้คือการล้างงานด้านภาพที่เคยทำให้โลกของเดอะ แมทริกซ์มีโทนสีอมเขียวจนกลายเป็นภาพจำ สู่การใช้โทนสีสันสดใสเสมือนโลกแห่งความเป็นจริงเข้าไปแทน นอกจากนี้ตัวลาน่า ยังตัดสินใจมานั่งแท่นเป็นผู้กำกับคิวบู๊ด้วยตัวเองในหนังภาคนี้อีกด้วย (ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ อาจจะต้องไปพิจารณากันเอาเองในหนังนะครับ)

 

การกลับมาขึ้นจอใหญ่แบบคู่กันอีกครั้งของพระนาง

เรียกได้ว่า The Matrix Resurrections ทำให้สองพระนางอย่าง คีอานู รีฟส์ และ แคร์รี่-แอน มอส กลับมาพบกันอีกครั้งในบทบาที่สร้างชื่อเสียงให้กับพวกเขาทั้งสองคน ในบทบาทอย่างนีโอและทรีนิตี้อีกครั้ง

ไม่เพียงเท่านี้การกลับมาของหนังเรื่องนี้ยังมาพร้อมกับช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของตัวผู้กำกับลาน่าเองด้วย เพราะหลังจากที่เธอปิดกล้องซีรีส์ Sense8 ไป ตัวเธอเองก็ไม่อยากจะถ่ายหนังอีก ประกอบกับช่วงเวลานั้นพ่อแม่ของเธอไม่สบาย ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเพื่อไปอยู่กับครอบครัว และเธอดูแลพ่อแม่ของตัวเองจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตพวกเขา

เหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนี้ทำให้ลาน่ารู้สึกเจ็บปวดและโศกเศร้ากับการจากไปของพ่อแม่ ทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวที่จะช่วยเยียวยาจิตใจของตัวเอง เหมือนกับตัวละครสองตัวที่ได้ตายจากไปแล้ว แต่คืนหนึ่งสมองของเธอก็สร้างให้พวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง และนั่นคือตัวละครนีโอและทรินิตี้นั่นเอง

จากโจทย์ที่ว่า “อะไรคือความจริง” ตัวละครทั้งสองตัวในหนังภาคนี้จึงพาผู้ชมกลับไปที่ฉากบนดาดฟ้าตึกอีกครั้ง เมื่อทรินิตี้เคยเข้าใจว่า “ความฝันของเธอจบลงด้วยการตกตึก” หนังภาคนี้จึงมีฉากที่ลาน่าจินตนาการไว้ว่า อยากจะมีฉากที่ตัวละครทั้งสองตัว วิ่งจากยอดตึก จับมือกันไว้และวิ่งจนสุดแรงเกิดเพื่อกระโดดออกจากตึกสูงระฟ้าไปพร้อมๆกัน

หนังภาคนี้จึงอาจจะกล่าวได้ว่ามันเน้นไปที่เรื่องราวความสัมพันธ์ของนีโอและทรินิตี้ที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักของทั้งสองคน แต่ถึงอย่างนั้นตอนที่ตัวคีอานู รีฟส์อ่านบทภาพยนตร์เขาก็พบว่า ในหนังภาคนี้ มอร์เฟียส (ยาห์ย่า [อับดุล-มาทีน ที่2) ไม่เหมือนมอร์เฟียสคนเดิม โธมัส แอนเดอร์สันก็ไม่ใช่โธมัส แอนเดอร์สันคนเดิม ส่วนทรีนิตี้ก็กลายเป็นทิฟฟานี่

The Matrix Resurrections จึงคล้ายกับการหวนย้อนเวลากลับไปเจอเพื่อนเก่า ลาน่าได้กลับไปร่วมงานกับเพื่อนเก่า รวมไปถึงย้อนกลับไปสู่ผลงานที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวลาน่าเองด้วย และแน่นอนว่าคนที่เติบโตมาพร้อมกับหนังเรื่องนี้ในปี 1999 และ 2003 ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะพลาดภาคต่อเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook