The Time Traveler's Wife ชายหนุ่มผู้ข้ามกาลเวลาไปพบรัก ในเวอร์ชั่นซีรีส์กำลังมา
The Time Traveler's Wife วรรณกรรมเรื่องดังผลงานการประพันธ์ของออเดรย์ นิฟเฟเนกเกอร์ ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นภาพยนตร์ในปี 2009 ผลงานการกำกับของโรเบิร์ต ชเวนต์เก โดยมีนักแสดงอย่างอีริก บานา รับบทบาทเป็นเฮนรี่ เดอแทมเบิ้ล บรรณารักษ์ผู้มีความผิดปกติทางพันธุกรรมซึ่งทำให้เขาสามารถเดินทางข้ามกาลเวลาได้โดยไม่สามารถเจาะจงห้วงเวลาที่แน่นอนได้เข่นกัน
ตัวของเฮนรี่นั้นมีความสัมพันธ์กับคนรักอย่างแคลร์ (ราเชล แม็กอดัมส์) แต่ทั้งสองคนกำลังประสบปัญหาใหญ่เมื่อแคลร์ไม่สามารถตั้งท้องได้ สืบเนื่องมาจากพันธุกรรมข้ามกาลเวลาที่ลูกในครรภ์จะได้รับมาจากเฮนรี่ส่งผลให้แคลร์แท้งลูกอยู่เสมอก่อนถึงกำหนดคลอด
ช่วงเวลาที่ The Time Traveler's Wife เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ค่อนไปในทางลบ บ้างก็กล่าวว่าพอเปลี่ยนจากตัวนิยายให้กลายมาเป็นตัวละครมนุษย์จริงๆแล้วดูมีความไม่สมเหตุสมผลด้านตรรกะในหลายทาง หรือบ้างก็ว่าบทภาพยนตร์ดูน่าขนลุกมากกว่าจะโรแมนติก แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนังสามารถทำรายได้ในอเมริกาไปถึง 63 ล้านเหรียญฯ ทำรายได้นอกอเมริกาไปอีก 37 ล้านเหรียญฯ ทำให้รายรับรวมอยู่ที่ 101 ล้านเหรียญฯ จากต้นทุนในการสร้างเพียง 39 ล้านเหรียญฯ ก่อนที่หนังจะได้รับความนิยมทางวิดีโอ โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ รวมไปถึงยังได้รับความนิยมในสตรีมมิ่งมาจนถึงทุกวันนี้
โดยล่าสุดสตูดิโออย่างวอร์เนอร์ บราเธอร์ที่ถือลิขสิทธิ์ของหนังเรื่องนี้ตัดสินใจจะดัดแปลง The Time Traveler's Wife ให้กลายเป็นเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ โดยมีสตีเว่น มอฟเฟต นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ประจำโชว์ และมีกำหนดที่จะปล่อยลงทางสตรีมมิ่ง HBO Max ในปี 2022
สำหรับในเวอร์ชั่นซีรีส์นี้จะโฟกัสไปที่ตัวละครอย่างแคลร์ ซึ่งรับบทโดยโรส เลสลีย์ ศิลปินหน้าใหม่ไฟแรง ซึ่งได้พบกับชายหนุ่มอย่างเฮนรี่ รับบทโดย เธโอ เจมส์ ผู้มีอาการผิดปกติทางพันธุกรรมและทำให้เขาสามารถเดินทางข้ามกาลเวลาแบบไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาได้ โดยเรื่องราวในมหากาพย์ครั้งนี้ตัวเฮนรี่เองจะได้เดินทางไปยังห้วงเวลาต่างๆในชีวิตที่เขาได้พบกับแคลร์ตั้งแต่เด็กจวบจนเธอแก่เฒ่ากันเลยทีเดียว
“ซีรีส์มีการใช้ประเด็นเรื่องการเดินทางข้ามกาลเวลา ให้สอดคล้องกลมกลืนไปกับความปกติตามวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งมันดูเรียบง่ายและประสบความสำเร็จในแง่ของเรื่องราวความรัก” สตีเว่น มอฟเฟต กล่าวไว้ตอนให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกไว้ “เรามักจะนำเสนอเรื่องราวความรักที่ต้องพบเจอกับโศกนาฏกรรมและเช่นกันเรามักจะไปต้องไปสำรวจเรื่องราวว่าคนสองคนนั้นมีโอกาสพบรักกันได้อย่างไรด้วยเช่นกัน องค์ประกอบเหล่านี้ถือเป็นส่วนผสมที่เพิ่มรสชาติให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี”
การที่ตัวสตีเว่น มอฟเฟต มารับหน้าที่ในการนั่งแท่นโปรดิวเซอร์นั้นถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับโชว์เป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ตัวสตีเว่นเองเคยเขียนบทเกี่ยวกับเรื่องราวการท่องกาลเวลามาแล้วในซีรีส์อย่าง Doctor Who ตั้งแต่ปี 2006 ถึงปี 2017 และเขาเองก็นั่งแท่นเป็นคนควบคุมดูแลโชว์มาตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ซึ่งระหว่างนั้นเองเขาได้มีโอกาสอ้างอิงเรื่องราวจากนิยายของ The Time Traveler's Wife เข้าไปในซีรีส์ในชื่อตอนว่า The Girl in The Fireplace ว่าด้วยหมอที่เดินทางกลับไปหาเด็กสาวในหลายช่วงเวลาของชีวิตเธอ โดยตัวเอกของเรื่องก็ต้องคอยช่วยชีวิตเธอให้พ้นจากโชคชะตาอันเลวร้าย โดยไอเดียดังกล่าวนี้เองเป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่าง เดอะ ด็อกเตอร์ (เดวิด เทนเนนท์, แมตต์ สมิธ, ปีเตอร์ คาปาลดี้) และริเวอร์ ซอง (อเล็กซ์ คิงสตัน) โดยไทม์ไลน์ของพวกเขาจะดำเนินไปแบบสวนทางกัน
ตอนนี้ซีรีส์ The Time Traveler's Wife ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยและปิดกล้องกันไปตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยจะมีความยาวทั้งสิ้น 6 ตอนด้วยกัน ส่วนผู้กำกับซีรีส์นั้นประกอบไปด้วยเดวิด นัตเตอร์ (นั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างร่วมกับสตีเว่น มอฟเฟต) นิฟฟีเนคเกอร์, ซู เวอร์ทูว์ และไบรอัน มินชิน อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่มีกำหนดวันปล่อยซีรีส์ที่แน่นอนทาง HBO Max คงต้องติดตามกันต่อไปว่าตกลงแล้วเราจะได้ดูกันเมื่อไหร่ในปี 2022