[เปิด Netflix มารีวิว] The Princess Switch 3 Romancing the Star คริสต์มาสนี้ต้องฉก
ในยุคสมัยที่หนังโรแมนติก คอมมาดี้ ไม่ค่อยได้รับความนิยมนักในการสร้างเป็นหนังสเกลเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ผิดกับยุค 90 ที่แจ้งเกิดให้กับบรรดานางเอกหนังรอมคอมเป็นจำนวนไม่น้อย โชคยังดีสำหรับสาววาเนสซ่า ฮัดเจนส์ที่แจ้งเกิดกับหนังไฮสคูลอย่าง High School Musical ทำให้เธอยังคงได้รับการจดจำในฐานะนางเอก (และนักร้อง) มาจวบจนทุกวันนี้ และเธอยังมีผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
สำหรับพล็อตของ The Princess Switch 3 Romancing the Star จะให้น้ำหนักไปที่ตัวละครอย่างฟีโอน่า ลูกพี่ลูกน้องของมาร์กาเร็ต หลังจากที่ปรากฏตัวในหนังภาคที่แล้วในฐานะตัวร้าย โดยการกลับมาครั้งนี้ของฟีโอน่า เปรียบเสมือนการนำพาผู้ชมได้เปิดโอกาสในการทำความรู้จักตัวละครนี้ให้มากขึ้น ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้ “ร้าย” และเห็นแก่ตัวไปซะทุกเรื่องเหมือนกัน
ด้วยความเป็นหนังรอมคอมภาคต่อ หนังจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องเสียเวลาให้เราทำความรู้จักกับตัวละครอีกสองตัวอย่าง มาร์กาเร็ต ราชินีแห่งมอนเตนาโรและสเตซี สาวมากฝีมือในการทำเบเกอรี่จากอเมริกา อีก ดังนั้นการเทเวลาส่วนมากของหนังให้กับฟีโอน่า ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมได้ไปสำรวจเรื่องราวใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
ปมหลักของหนังภาคนี้คือ ดาวแห่งสันติ ของมีค่าชิ้นสำคัญประจำราชวงศ์มอนเตนาโรที่ถูกขโมยไป ซึ่งก็ไม่เข้าใจอยู่เหมือนกันว่าของล้ำค่าขนาดนี้ ถูกขโมยไปอย่างง่ายดายขนาดนั้นได้ยังไง แต่ก็นั่นแหละครับว่าถ้ามันไม่มีประเด็นนี้ขึ้นมา นางเอกอย่างฟีโอน่าที่กลายเป็นอาชญากรกลับใจก็คงไม่ได้ออกโรง แต่ที่ฮาและน่าเกาหัวกว่าคือ ผู้ร้ายที่ขโมยดาวแห่งสันติไปเป็นของตัวเอง ก็ชะล่าใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว
ในเมื่อหนังภาคนี้ฟีโอน่าได้รับบทบาทเป็นนางเอกประจำภาคแล้ว ก็คงขาด “พระเอก” ไปไม่ได้ ซึ่งตัวละครหวานใจอย่างปีเตอร์ แมกซ์เวลล์ (เรมี่ ไฮ) หนุ่มตี๋ลูกครึ่ง อดีตตำรวจข้ามชาติอินเตอร์โพล ที่มาเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัย ซึ่งเคยมีความรู้สึกดีๆกับฟีโอน่าสมัยยังเด็ก เข้ามาให้ความช่วยเหลือในการทำภารกิจช่วงชิงดาวแห่งสันติให้กลับคืนมา ด้วยเหตุผลลึกๆที่ว่าเขาอยากจะรื้อฟื้นความหลังกับเธอ
จะว่าไปคนที่น่าอิจฉามากที่สุดคงหนีไม่พ้นนักแสดงสาววาเนสซ่า ที่เอาจริงๆเธอได้ประกบหนุ่มหล่อ 3 สไตล์พร้อมๆกันในภาคเดียวเลยด้วยซ้ำ!ไป ฟินกว่านี้คงไม่มีที่ไหนอีกแล้ว
The Princess Switch 3 Romancing the Star จึงถือเป็นหนังรอมคอมอารมณ์ดีที่เหมาะกับการเปิดสตรีมมิ่งแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี แบบไม่ต้องไปหาสาระอะไรมากมาย (เพราะหาไม่ได้ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว)