Macaulay Culkin โดดเดี่ยวผู้แสนพัง กับฝันร้ายที่เริ่มจากหนัง Home Alone

“ผมไม่สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้เหมือนกับคนอื่น"

Home Alone ถือเป็นอีกหนึ่งหนังคลาสสิกประจำช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องที่ชวนน่าติดตามแล้ว ความทะเล้นน่าเอ็นดูรวมถึงวีรกรรมแสบ ๆ ของ ‘เควิน’ ตัวเอกในเรื่อง ก็ล้วนแต่เป็นความทรงจำแรก ๆ ที่ผู้ชมมักจะนึกเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เสมอ

แม้บทบาทเควินจะสร้างชื่อเสียงให้ แม็กเคาเลย์ คัลกิน (Macaulay Culkin) อดีตนักแสดงผู้รับบทนี้ไม่น้อย แต่ความโด่งดังเหล่านั้นก็แลกมาซึ่งแสงสปอร์ตไลต์ที่สาดส่องในทุกอิริยาบถของชีวิต จนทำลายชีวิตของเด็กคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

ครั้งหนึ่งตัวคัลกินเคยออกมาเล่าถึงประสบการณ์สมัยที่เขารับบทนี้ ผ่านรายการ ELLEN รวมถึงเผยถึงสาเหตุที่เขาไม่สามารถชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มีความสุขเหมือนกับผู้ชมคนอื่น ๆ ว่า

“ผมไม่สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้เหมือนกับที่คนอื่นดู เพราะผมจำสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันที่ถ่ายทำได้ดี ผมจำตอนที่ผมเอาเป๊ปซี่ไปซ่อนไว้หลังโซฟา หรือฉากอื่น ๆ ได้ดี”

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1990 คัลกินในวัย 10 ขวบ โด่งดังถึงขั้นกลายเป็นนักแสดงเด็กคนแรกที่มีค่าตัวสูงถึง 5 ล้านเหรียญ และถูกได้รับเชิญให้ไปยังงานหรือสถานที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคริสต์มาสมากมาย จนกลายเป็นเหมือนไอคอนของเทศกาลนี้ไปโดยปริยาย ซึ่งตัวคัลกินเคยออกมายอมรับว่าสิ่งเหล่านั้น ทำให้เขารู้สึกอึดอัดกับเทศกาลนี้จวบจนทุกวันนี้

“เพราะมีแต่คนเรียกร้องให้ผมไปดูเรื่องนี้กับพวกเขาในวันคริสต์มาส ตามงานเทศกาลต่าง ๆ จนผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าขนลุกมาก ๆ ในทุกปีหนังเรื่องนี้จะมีให้เห็นอยู่ทุกที่ ผมมักจะหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในช่วงเวลานี้เสมอ”

ว่ากันว่า ‘คิต คัลกิน (Kit Culkin)’ พ่อของคัลกินที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องการรับงานต่าง ๆ คือตัวการสำคัญที่ทำให้เด็กคนนี้เสียผู้เสียคน ซึ่งตัวคัลกินก็เคยออกมาพูดถึงพ่อในทำนองว่า สมัยนั้นพ่อมองเขาเป็นแค่ตัวทำเงินเท่านั้น

“ทุกอย่างที่พ่อพยายามจะทำในชีวิตตัวเอง ผมได้ทำมันทั้งหมดตอนแค่ 10 ขวบ” คัลกินให้สัมภาษณ์ในรายการพอดคาสต์ WTF

“ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นเด็กที่ต้องทำงานหนักมากๆ ตอนนั้นผมได้เงินค่าแสดงมาจากพ่ออีกทีซึ่งมันทำให้ทุกสิ่งที่ผมทำตอนนั้นกลายเป็นเหมือนงานอดิเรกแต่ก็มีเรื่องดีตรงที่มันทำให้ผมได้เงินมาใช้ทำอะไรที่ผมต้องการได้ทุกอย่าง”

พ่อกับแม่ของคัลกินหย่าร้างกัน หลังจากที่เขาถ่ายทำหนังเรื่อง Richie Rich เสร็จสิ้นในปี 1994 ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการที่คัลกินตัดสินใจโบกมือลาจากวงการฮอลลีวูด

“ตอนนั้นผมรู้สึกอยากจะพักสักครู่และในที่สุด มันเหมือนกับว่า ‘พอกันที หวังว่าต่อไปนี้พวกคุณทุกคนคงจะสามารถหาเงินเองได้นะ เพราะผมพอละ’ ” คัลกินย้อนความหลัง

หลังตัดขาดกับพ่อ รวมถึงเลิกรับงานแสดงตั้งแต่ปี 1994 ต่อมาชีวิตของคัลกินก็เหมือนกับเสียศูนย์ไปเลย แม้เขาจะได้กลับมาใช้ชีวิตที่ตัวอยากมี ชดเชยเวลาในวัยเด็กที่เสียไป แต่กลายเป็นว่าชีวิตของเขากลับแย่กว่าเดิม คัลกินกลายเป็นคนที่ติดเหล้าและมีข่าวว่าติดยาเสพติดอย่างหนักถึงขั้นต้องเข้ารับการบำบัด

“ผมไม่ได้เสพเฮโรอีนเดือนละ 6,000 เหรียญหรืออะไรทำนองนั้นแน่นอนผมรำคาญอยู่เหมือนกันกับเรื่องประหลาดๆที่แทบลอยด์กุขึ้นมาจนทำให้ผู้คนเป็นห่วงสำหรับใครที่เชื่อข่าวพวกนี้คุณก็ข้ามๆหนังสือพิมพ์พวกนี้ไปบ้างก็ได้” คัลกินออกมาแก้ตัวเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด

คัลกินเคยออกมาให้สัมภาษณ์บ่อยครั้งว่า แม้ Home Alone จะสร้างชื่อเสียงให้เขา แต่มันก็ได้ทำลายชีวิตของเขาเช่นกัน เพราะผู้คนต่างยังจดจำกับภาพของเขาในวัยเด็กเสมอ นั่นจึงทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้จริง ๆ รู้สึกเหมือนมีคนมาคอยจับผิดเสมอ

“ทุกอย่างที่ผมทำด้วยเหตุผลบางอย่าง มันกลายเป็นเรื่องบ้าๆ บอ ๆ ในสายตาของใครหลายคน ‘เขายังเป็นเด็ก เขาดื่มเบียร์ เขาสูบบุหรี่ โหยเรื่องใหญ่มากเลยนะ’ แม้สิ่งที่ผมทำเหล่านี้ คนธรรมดาทั่วไปก็เคยทำเช่นกัน”

ก่อนหน้านี้คัลกินเคยออกเดตกับนักแสดงสาว มิลา คูนิส (Mila Kunis) มายาวนานถึง 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งครั้งหนึ่งคูนิสเคยบอกในรายการของ โฮเวิร์ด สเติร์น (Howard Stern) ว่า การมีชื่อเสียงของคัลกินนั้น เป็นเรื่องที่ยากจะรับมือด้วยจริง ๆ

“ตอนนั้นเขาดังมาก และคุณไม่สามารถเดินไปตามท้องถนนกับเขาได้เลย เขามีสิ่งดึงดูดใจแปลก ๆ อยู่เสมอ แฟน ๆ แค่กรีดร้องหาเขา มันไม่เหมือนกับการตอบสนองปกติของแฟน ๆ กับคนดังทั่ว ๆ ไป ในเคสของเขาแฟน ๆ มีวิธีตอบสนองกับเขาที่ผิดปกติจริง ๆ” คูนิสเล่า

ปัจจุบันคัลกินกลับมารับงานในวงการฮอลลีวูดบ้างบางครั้งบางคราว และเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของเขามักถูกวนกลับมาพูดถึงเสมอในทุกปี โดยเฉพาะเทศกาลคริสต์มาสที่หนัง Home Alone กลายเป็นหนังที่ทุกคนต่างคิดถึง

แม้ Home Alone จะเป็นหนังที่สะท้อนห้วงอารมณ์ความสุขของคริสต์มาสได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคัลกินหนังเรื่องนี้คงไม่ต่างกับจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายในชีวิตของตัวเอง