เรารู้อะไรได้บ้างก่อนไปดู Spider-Man: No Way Home
ย้ำอีกครั้งบทความนี้จะพูดถึง เรื่องย่อ มุมมองของหนังภาคนี้ รวมไปถึงการเติบโตของสไปเดอร์-แมนตั้งแต่ภาค Homecoming- No Way Home หากคุณกลัวว่าการอ่านบทความจะเป็นการลดทอนอรรถรสในการชมภาพยนตร์ขอแนะนำว่าให้ปิดบทความไปก่อนนะครับ
หนังภาคนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร
หลังจากเหตุการณ์ใน Far From Home ปีเตอร์ ถูกเปิดเผยตัวตนภายใต้หน้ากากสไปเดอร์-แมนเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายในช่วงอายุ 17 ปีเกิดความยุ่งเหยิงในทันที มิหนำซ้ำบรรดาเพื่อนสนิท รวมไปถึงคนที่เขารักต้องตกอยู่ในอันตราย
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นยังสร้างผลกระทบเกี่ยวกับการได้รับพิจารณาเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ไม่เพียงเท่านั้นสำหรับเอ็มเจและเน็ด ยังโดนกล่าวหาจากสื่อฯ ว่าทั้งสองเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดต่อการกระทำที่เกิดขึ้นในหนัง Far From Home ปีเตอร์ ผู้รู้สึกว่าตนเองเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมดและไม่อาจจะทนเห็นความฝันของเพื่อนๆพังทลายลงได้ เขาจึงไปร้องขอให้ด๊อกเตอร์สเตรนจ์ช่วยเหลือให้ “ความลับ” ของปีเตอร์กลับไปเป็นดังเดิม คือไม่มีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา
ท่ามกลางความหนักใจของด๊อกเตอร์สเตรนจ์ในการร่ายเวทมนตร์แห่งการลืม แต่เมื่อปีเตอร์เกิดฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าทำอย่างนั้นไปแล้วจะส่งผลให้ เอ็ดเจ เน็ด และป้าเมย์ รวมถึงแฮปปี้ลืมไปว่าเขาคือสไปเดอร์-แมน ปีเตอร์จึงขัดกลางปล้องระหว่างที่สเตรนจ์กำลังร่ายมนต์เป็นเหตุให้จักรวาลอื่นๆเกิดรอยแตกแยก จนกระทั่งบรรดาศัตรูของสไปเดอร์-แมนในจักรวาลอื่นๆหลุดเข้ามาในจักรวาลของตัวเอง ส่งผลให้ปีเตอร์ต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำในครั้งนี้ด้วยตัวเอง
ก้าวสำคัญของการเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่
ตั้งแต่สไปเดอร์แมน Homecoming ออกฉายและเดบิวต์ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ฉบับทอม ฮอลแลนด์ออกมา ในฐานะนักเรียนมัธยม ก่อนที่เขาจะพบว่าในเวลานี้โลกทั้งใบกำลังจับจ้องมาที่ตัวของเขาเอง หนังภาคล่าสุดอย่าง No Way Home จึงเปรียบเสมือนบทสรุปและว่าด้วยการเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์
ถ้าเรายังพอจดจำคำพูดของโทนี่ สตาร์คใน Captain America: Civil War ที่ถามปีเตอร์ไว้ว่า “เธอเป็นสไปเดอร์บอยหรือเปล่า” ตลอดการปรากฏในหนังเรื่องต่างๆของมาร์เวลได้พิสูจน์คำกล่าวนั้นไว้อย่างชัดเจน แต่คงไม่ใช่สำหรับ No Way Home ที่เราอาจจะกล่าวได้ว่าเขากำลังจะกลายเป็น “สไปเดอร์แมน” อย่างเต็มตัว และทั้งหมดทั้งมวลการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ล้วนแล้วแต่มากจากการตัดสินใจด้วยตัวของเขาเองทั้งสิ้น
ทางเลือกอันแสนซับซ้อน
สำหรับ Spider-Man: No Way Home ทางเลือกของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในเวอร์ชั่นนี้มีความซับซ้อนกว่าที่เราเคยได้รับชมมา เมื่อเส้นทางชีวิตของปีเตอร์และสไปเดอร์แมนกลายเป็นสิ่งเดียวกัน เพราะในเรื่องราวที่เราเคยรับรู้และรับชมมาในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ทั้งเวอร์ชั่นของแซม ไรมี่ (ไตรภาค Spider-Man) และ มาร์ค เว็บบ์ (The Amazing Spider-Man) ตัวตนของปีเตอร์ ยังได้รับการปกปิดเอาไว้อยู่
สำหรับผู้กำกับอย่างจอน วัตส์ ที่นั่งแท่นกำกับสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นล่าสุดมาโดยตลอด 3 ภาคมองว่า เมื่อปีเตอร์ในเวอร์ชั่นนี้เป็นคนที่พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ การตัดสินใจเช่นนี้ให้ข้อสังเกตได้ว่า “สิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะทำมันเช่นกัน” จนตัวละครในหนังภาคนี้จะได้ตรวจตราตัวเองไปพร้อมๆกันว่า ตกลงแล้ว สิ่งที่ถูกต้องคือสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเขาเอง แต่นั่นทำให้เขาต้องแยกแยะเช่นกันว่าระหว่างสิ่งที่เขาต้องการในห้วงเวลาปัจจุบันอาจจะนำความยุ่งยาก และยุ่งเหยิงซับซ้อนกว่าที่คาดคิดเอาไว้ด้วยเช่นกัน
เควิน ไฟกี กับมุมมองต่อ Spider-Man: No Way Home
สำหรับตัวผู้อำนวยการสร้างหนังมาร์เวลอย่างเควิน ไฟกี้ มอบมุมมองต่อตัวละครปีเตอร์ว่า ตัวละครนี้ไม่เคยเผชิญความยากลำบากต่อการคิดหาคำตอบว่า “ความถูกต้อง” สำหรับเขานั้นจะส่งผลอะไรบ้าง ใน Spider-Man: No Way Home เริ่มต้นเรื่องราวทันที่ภายหลังจากเหตุการณ์ในหนังภาค Far From Home ทันที่ที่ตัวตนของสไปเดอร์แมนถูกเปิดเผยออกมาท่ามกลางชีวิตปีสุดท้ายในโรงเรียนมัธยม รอยต่อของชีวิต การเปลี่ยนผ่าน มันจึงแตกต่างสุดขั้วกับเรื่องราวตอน Homecoming
เมื่อเราลองย้อนกลับไปในแฟรนไชส์สไปเดอร์แมนฉบับนี้ใน Homecoming ปีเตอร์ได้โทนี่ สตาร์คมาคอยเป็นเมนทอร์ให้คำปรึกษา ด้วยความเป็นวัยรุ่นมีพลังพิเศษทำให้เขาอยากร่วมทีมอเวนเจอร์สเป็นอย่างมาก แต่โทนี่ก็คอยให้คำแนะนำ ห้ามปราม อบรมประหนึ่งเป็นพ่อคนที่สองของปีเตอร์ ที่อยากให้เขาวางตัวเป็นแค่เพียง “สไปเดอร์แมน เพื่อนบ้านที่เป็นมิตร” มากกว่า ถัดมาใน Far From Home หลังจากที่ปีเตอร์สูญเสียโทนี่ไปและยังคงทำใจไม่ได้ แต่เขากลับพบว่าเมื่อหน้าที่ได้เรียกร้องให้เขาต้องสวมบทบาทเป็นสไปเดอร์แมน เขาก็โอบรับสิ่งที่ตัวเองเป็น มิหนำซ้ำในตอนท้ายของหนังภาคก่อนเรายังมองเห็นว่าสำหรับปีเตอร์แล้วเขาพร้อมที่จะเป็นตัวเอง ควบคู่ไปพร้อมๆกับการเป็นฮีโร่ที่ทุกคนคาดหวังจะให้เขาเป็นด้วยเช่นกัน แต่แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดการกลับตาลปัตรทันทีเมื่อตัวจนของเขาถูกเปิดเผยขึ้น และถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ก่อคดีฆาตกรรมเควนติน เบ็คหรือมิสเทริโอ จนนำมาสู่การตอบคำถามดังกล่าวในหนังภาคล่าสุดอย่าง Spider-Man: No Way Home ว่าสุดท้ายแล้วทางออกของชีวิตปีเตอร์นั้นจะลงเอยอย่างไร