Street Dance Girls Fighter รายการดวลเต้นของเด็กสาวมัธยม เดือดไม่แพ้เวอร์ชั่นรุ่นพี่

 

ขึ้นชื่อว่า M Net ที่มักรังสรรค์รายการทีวีที่เป็นกระแสอยู่บ่อยๆ โดยกระแสที่ว่านั้นคือการสร้างดราม่าจนกลายเป็นไวรัลทางโซเชียลอยู่บ่อยๆ หรือพูดให้ง่ายๆคือกลายเป็นสิ่งที่ผู้ชมเอามาพูดถึง แชร์ต่อกันนั่นเอง

หลังจากความสำเร็จในระดับโลกของ Street Woman Fighter ไม่ว่าจะเป็นในด้าน การเปิดตัวเหล่าทีมนักเต้นหญิงที่มีฝีไม้ลายมือในการวาดลวดลายบนฟลอร์เต้นได้อย่างดุเดือด เปี่ยมสไตล์ รายการนี้ยังเปิดการ “เปิดโปรไฟล์” ของพวกเธอครั้งสำคัญ หลายคนเป็น Choreographer หรือนักออกแบบท่าเต้น ให้กับศิลปิน KPop ซึ่งมีท่ายอดฮิตมากมาย บางคนเป็นนักเต้นระดับประเทศ หลายคนเป็นแดนเซอร์ที่ปรากฏตัวอยู่ในมิวสิควิดีโอของศิลปินชื่อดัง เรียกได้ว่ารายการนี้เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับ “ศิลปิน” อย่างแท้จริง

ความสามารถคือปัจจัยสำคัญที่ได้รับการพิสูจน์ผ่านแคมเปญและกติกาการแข่งขันในแต่ละรอบที่จัดได้ว่า เดือด โหด และพยายามสร้างดราม่าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกลายเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ผู้ชม ลุ้นกันจนตัวโก่งว่าตกลงแล้วทีมไหนที่จะถูกคัดออก และทีมไหนจะคว้าชัยชนะได้ในที่สุด ตลอดเวลาในการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ทั้ง 8 ทีมเต้นไม่ว่าจะเป็น YGX, Prowdmon, Coca n Butter, HolyBang, Want, Hook, LACHICA และ Way B ได้พิสูจน์ให้ผู้ชมเห็นตลอดรายการว่า ไม่มีทีมไหนที่จะแพ้ถาวร ในขณะเดียวกัน ทีมที่เคยอยู่ในอันดับล่างๆ ก็สามารถพลิกเกมขึ้นมาชนะได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่า เป็นการพิสูจน์ฝีมือแล้ว ยังเป็นการออกแบบผลงานที่ต้องสามารถครองใจสาธารณชนได้พร้อมๆกันอีกด้วย

ตลอด 1 ซีซั่นของ Street Woman Fighter ได้สร้างการจดจำของเหล่าหัวหน้าทีมและลูกทีมบางคน และเพื่อไม่ให้กระแสของรายการนี้จางหายไปตามกาลเวลา M Net จึงสานต่อความสำเร็จนี้ด้วยการ Spin Off รายการออกมาเป็นเวอร์ชั่น “เด็กสาวมัธยม” ตามออกมาในชื่อ Street Dance Girls Fighter โดยเฟ้นหาเหล่าเยาวชนที่มากความสามารถในการเต้นมาแข่งขันกันอีกแมทช์

กติกาการคัดเลือกทีมเต้นที่มีความสามารถ ในครั้งนี้การหยิบเอาบรรดาทีมจาก Street Woman Fighter มาเป็นผู้คัดเลือก ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากรายการก่อนได้อย่างน่าสนใจ นอกเหนือไปจากนี้มันยังเป็นการการันตีอีกด้วยว่า นี่คือการคัดเลือกโดยเหล่าผู้มากประสบการณ์และคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการศิลปะทางการแสดงอย่างแท้จริง ไม่ได้คัดเลือกมาแค่หน้าตา หรือเอาคนดังๆมาเพื่อเรียกเรตติ้งรายการ แต่เป็นการให้เกียรติคนในอุตสาหกรรมบันเทิงเบื้องหลัง ได้มีโอกาสมาเผยวิธีการทำงานของพวกเขาสู่เบื้องหน้าด้วยเช่นกัน

การขับเคี่ยวของเหล่าเด็กสาวมัธยมในรอบแรกนั้นพวกเธอต้องทำการแสดงเต้น ต่อหน้าหัวหน้าทีมทั้ง 8 คนเพื่อให้ได้รับการกดปุ่ม IN อย่างน้อย 4 ทีมเพื่อเดินเข้าไปสู่รอบถัดไป และทีมที่ได้รับการ “เลือก” จะมีโอกาสเลือกทีมของหัวหน้าจาก Street Woman Fighter ที่จะกลายมาเป็นเมนเทอร์ในการให้คำแนะนำตลอดรายการด้วยเช่นกัน

ทว่าเกมการแข่งขันคงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก เมื่อพวกเธอค้นพบว่า หลังจากการแข่งขันรอบแรกสิ้นสุดลง บางทีมดันมีลูกทีมเยอะเกินไป จึงต้องมีการแบทเทิ้ลเพื่อคัดเลือกลูกทีมให้เหลือแค่เพียงสองทีมภายใต้การดูแล ดังนั้นพวกเธอยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอพักเหนื่อย การวัดฝีมือและความสามารถจึงสามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา

หลังจากผ่านรอบคัดเลือกกันไปแล้ว ในรอบ 1 ทีม 1 การแสดง ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกทีมทั้งสองภายใต้การดูแลของทีมเมนเทอร์แสดงความสามารถและสไตล์การเต้นของตัวเอง ความปังปั้วะในรอบนี้คือทีม Turns ได้เลือกเพลงของ Mirror Mirror ผลงานของน้องมิลลิ (MILLI) ฟีเจอร์ริ่งกับ F.HERO และ Changbin จากวง Stray Kids มาเป็นเพลงสำหรับเต้น ทำให้บรรดาแฟนเพลงชาวไทยตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก และนี่ยังเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เราได้เห็นด้วยว่า “เพลง” นั้นไม่มีพรมแดนแต่อย่างใด

สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกเช่นกันสำหรับรายการ Street Dance Girls Fighter คือการดวลเต้นเพื่อคัดทีมออก แต่ในครั้งนี้แตกต่างออกไปจาก Street Woman Fighter คือกรรมการที่จะเป็นผู้ตัดสินคัดเลือกเอาทีมที่อ่อนกว่าออกนั้น ดันเป็นเมนเทอร์ของทั้งสองทีมเอง สิ่งที่ทำให้คนดูได้เห็นว่า ถึงเด็กสาวเหล่านี้จะเป็นแค่เพียงเด็กมัธยม แต่ความสามารถและแววตาในการกระหายชัยชนะนั้น พวกเธอก็สู้สุดใจเพื่อความอยู่รอดของทีมตัวเองเช่นกัน

ในรอบก่อนการชิงชนะเลิศกับการออกแบบท่าเต้นให้กับเพลง Kpop ถือเป็นรอบการแข่งขันที่ขาดไม่ได้อีกเช่นกัน คือจะมี 2 ทีมที่ต้องเต้นในเพลงเดียวกัน แต่พวกเขายังต้องแลกเปลี่ยนท่าเต้นให้กับทีมตรงข้ามด้วย นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องออกแบบกลยุทธ์เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับท่าเต้นของทีมตัวเองมากที่สุด จนท้ายที่สุดแล้วรอบนี้ทำให้เหลือทีมที่จะได้ไปต่อในรอบชิงชนะเลิศแค่เพียง 6 ทีมเท่านั้น ส่งผลให้เมนเทอร์บางทีมไม่เหลือลูกทีมอีกเลย!

แม้ว่า Street Dance Girls Fighter จะมีความยาวแค่เพียง 6 ตอนจบ ซึ่งสั้นกว่า Street Woman Fighter ซึ่งดีกรีความเดือดและเผ็ดร้อนในแง่ของความดราม่าอาจจะดูน้อยกว่า แต่รายการนี้ได้พิสูจน์ให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า ผลผลิตจากอุตสาหกรรมบันเทิงอย่าง KPop นั้นได้ทำให้วงการศิลปะอย่าง “การเต้น” ออกดอกผลิบานและเปิดพื้นที่ให้เหล่าเยาวชนได้ใช้ผลพวงจากวัฒนธรรมดังกล่าวใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

รายการทั้งสองรายการนี้จึงเป็นทั้งผลงานบันเทิงที่โชว์ศักยภาพของนักเต้นของประเทศเกาหลี ไปพร้อมๆกับการมอบความบันเทิงให้กับผู้ชม เปิดโลกการเต้นและทำให้เราเห็นว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระ แม้กระทั่งวลีที่ว่า “เต้นกินรำกิน จะเอาอะไรมายาไส้” คงล้าสมัยไปเสียแล้วสำหรับห้วงเวลาปัจจุบันนี้  

สามารถชมรายการย้อนหลังได้ที่ VIU