Ghostbusters: Afterlife ตำนานบทใหม่ของบริษัทรับปราบผี
Ghostbusters คนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 30 อาจจะไม่รู้จัก หรือไม่ก็คงพอจะคุ้นๆเหมือนเคยจะได้ยินชื่อมาแบบแว่วๆ ในปีนี้ Ghostbusters: Afterlife คือภาคต่อ ที่สานต่อเรื่องราวจากแฟรนไชส์ดั้งเดิมในปี 1984 กับเรื่องราวสุดตื่นเต้นครั้งใหม่
หลายคนคงจะเกิดคำถามที่ว่า แล้วหนัง Ghostbusters เวอร์ชั่นปี 2016 ที่ได้ผู้กำกับอย่างพอล ฟีก มานั่งแท่นกำกับและเปลี่ยนตัวเอกของเรื่องทั้ง 4 คนให้กลายเป็นผู้หญิงนั้น ไม่ถูกนับรวมอยู่ภายใต้จักรวาลเดียวกันนี้ ถึงแม้ว่าคำวิจารณ์จะออกมาในแง่บวก แต่คนดูจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกว่า “การเปลี่ยนเพศตัวละคร” นั้น ไม่ได้ทำให้หนังคงจิตวิญญาณของงานต้นฉบับไว้ได้เลย มิหนำซ้ำมุกตลกในเรื่องก็เป็นความพยายามยัดเยียดจนเกินพอดี
Ghostbusters ปี 1984 เป็นหนังเกี่ยวกับอะไร
Ghostbusters เป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย ไอแวน ไรท์แมน บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิท 3 คน ผู้ประกอบสัมมาชีพเป็นศาสตราจารย์ด้านปรจิตวิทยาที่พยายามศึกษาปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ โดยเฉพาะการพิสูจน์ว่าผีนั้นมีตัวตนอยู่จริง จนเมื่อพวกเขาค้นพบว่า อำนาจลึกลับนี้มีตัวตนอยู่จริงๆผองเพื่อนเลยร่วมกันเปิดธุรกิจแปลกใหม่แบบที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือบริษัทรับปราบผี โดยทีมงานประกอบไปด้วย ดร.ปีเตอร์ เวงค์แมน (บิล เมอเรย์), ดร. เรย์ สแตนท์ส (แดน แอครอยด์), ดร. อีกอน สเปงเลอร์ (แฮโรลด์ เรมิส) และวินสตัน เซดเดมอร์ (เออร์นี ฮัดสัน)
โดยตรรกะของการล่าผีใน Ghostbusters นั้นจะให้นิยามของผีเทียบเท่ากับพลังงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะได้ โดยทีมโกสต์บัสเตอร์จะมีอุปกรณ์ล่าผีคู่ใจซึ่งเรียกว่าโปรตอนแพ็ค เครื่องยิงพลังงานโปรตอนที่ทำให้ผีสามารถกลับไปอยู่ในสถานะตั้งต้น ระหว่างที่ปราบผีกันไปชุดใหญ่ พวกเขาก็ค้นพบว่าประตูมิติระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณได้เปิดขึ้นทำให้โกเซอร์ เดอะ โกเซอเรียน ปีศาจร้ายบุกมายังโลกมนุษย์ ทำให้เหล่าทีมปราบผีต้องกำราบเธอให้ได้ก่อนที่จะสายเกินไป
ด้วยความสำเร็จชนิดเหนือความคาดหมายของหนังภาคแรก ทำให้หนังได้รับการสร้างภาคต่อตามออกมาในปี 1989 แน่นอนว่าในห้วงเวลานั้น ชุดเครื่องแต่งกายของตัวละครพร้อมกับอาวุธในการปราบผี กลายเป็นแฟชั่นที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชมมาโดยตลอด กว่า 30 ปี
เรื่องราวสานต่อยังไงใน Ghostbusters: Afterlife
ครอบครัวสเปงเลอร์ที่กำลังต้องเผชิญกับสภาพหนี้สินรุงรัง ตัดสินใจต้องโยกย้ายบ้านจากเมืองใหญ่กลับสู่ชนบทห่างไกลที่บ้านของคุณตาดร. อีกอน สเปงเลอร์ ณ บ้านแห่งนี้เทรเวอร์และฟีบี้ ได้ค้นพบความจริงที่ว่าคุณตาผู้ล่วงลับของพวกเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกปราบผีสมัยยุค 80
ระหว่างที่พักอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆอันห่างไกลความเจริญพวกเขาก็ค้นพบว่าท่ามกลางความเงียบสงบ กลับมีพลังงานลึกลับกำลังคุกคามเมืองแห่งนี้อย่างเงียบงัน เมื่อในทุกๆวันจะมีปรากฏการณ์แผ่นดินไหวที่ไร้สาเหตุอยู่เสมอ เนื่องจากความเป็นจริงนั้นลึกลงไปใต้แผ่นดินยังมีกองทัพผีดิบรอวันออกมาสร้างความโกลาหล ทำให้เหล่าสมาชิกปราบผีรุ่นเยาว์ต้องรวมตัวกัน นำอุปกรณ์สุดไฮเทคที่คนรุ่นลุงของพวกเขาประดิษฐ์คิดค้นไว้ เอามาปราบผีกันอีกครั้ง
ผลงานจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
ในหนัง Ghostbusters ภาคแรกนั้นเป็นผลงานการกำกับของ อีวาน ไรท์แมน ผู้เป็นพ่อแท้ๆของเจสัน ไรท์แมน ผู้กำกับ Ghostbusters: Afterlife โดยในช่วงเวลานั้นเจสัน มีอายุแค่เพียง 6 ขวบเท่านั้น ด้วยความเป็นเด็กที่ติดตามพ่อไปอยู่ในกองถ่ายทำให้เจสัน ได้เห็นเบื้องหลังการทำงานในกองถ่าย ได้เห็นสเปเชียลเอฟเฟ็คไม่ว่าจะเป็นสุนัขปีศาจ ปืนยิงลำแสงโปรตอน ปีศาจมาร์ชเมลโลว์
จากเด็กชายอายุ 6 ขวบในวันนั้น เจสัน ไรท์แมนเติบโตขึ้นและเดินตามรอยเท้าพ่อมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยผลงานของเขาที่ทำให้ผู้คนรู้จักในวงกว้างคือ Juno และ Up in the Air ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย ถ้าเราสังเกตผลงานของเจสัน แทบทุกเรื่องมักจะพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครในครอบครัว ดังนั้นการที่เขาได้รับการไถ่ถามจากสตูดิโอโซนี่ พิกเจอร์สว่าสนใจจะมากำกับ Ghostbusters ภาคใหม่ไหม เขาจึงตอบตกลงแบบแทบไม่มีความลังเล นั่นก็เพราะมันเป็นความผูกพันตั้งแต่วัยเด็กแล้วนั่นเอง
เจสัน ไรท์แมนมีส่วนในการเขียนบทภาพยนตร์ภาคนี้ ทำให้ภาพในจินตนาการของเขาถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครเด็กหญิงวัย 12 ปี ที่บังเอิญไปพบโปรตอนแพ็คในโรงนา ภาพดังกล่าวติดอยู่ในใจของเขา เช่นเดียวกับแนวคิดอื่นๆที่เขาเองอยากจะไปสำรวจจักรวาลของ Ghostbusters ประกอบกับการที่นักแสดงอย่างฮาโรลด์ รามิสได้จากโลกนี้ไป ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเข้าล็อคกันพอดี ตัวละครเด็กหญิงวัย 12 ปีคนนี้จึงกลายเป็นหลานสาวของอีกอน สเปนเลอร์
Ghostbusters: Afterlife จึงเป็นเรื่องราวของหลานสาว หนึ่งในสมาชิกทีมกำจัดผี ที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นใคร มีมรดกอะไรตกทอดมาถึงตัวเธอเอง และทำไมเธอจึงแตกต่างจากคนอื่นๆ ดังนั้นเราจึงอาจจะกล่าวได้ว่าเรื่องราวของ Ghostbusters คือการส่งไม้ผลัดจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกอย่างน่าสนใจ โดยที่ตัวอีวาน ไรท์แมนผู้เป็นพ่อ ก็ยังกลับมาร่วมกองถ่ายหนังเรื่องนี้ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ด้วย
เราอาจจะกล่าวได้ว่า Ghostbusters: Afterlife นั้นเป็นการรำลึกอดีตอันหอมหวานของแฟรนไชส์ชุดนี้ไปพร้อมๆกับการบอกเล่าเรื่องราวครั้งใหม่ให้กับผู้ชมรุ่นใหม่ได้รู้จักตัวละคร ผสมผสานกับความเป็นหนังครอบครัวที่ทุกคนสามารถสนุกไปกับมันได้นั่นเอง
Ghostbusters: Afterlife เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว