เรื่องจริงจากหนัง House of Gucci เมื่อสงครามสายเลือด นำไปสู่เหตุฆาตกรรม 'ตระกูลกุชชี่'

เรื่องจริงจากหนัง House of Gucci เมื่อสงครามสายเลือด นำไปสู่เหตุฆาตกรรม 'ตระกูลกุชชี่'

เรื่องจริงจากหนัง House of Gucci เมื่อสงครามสายเลือด นำไปสู่เหตุฆาตกรรม 'ตระกูลกุชชี่'
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) กลับมาสู่วงการภาพยนตร์อีกครั้งใน ‘House of Gucci’ กับบทปาทริเซีย เรจจานี (Patrizia Reggiani) ภรรยาของทายาทรุ่นที่ 3 ของกุชชี่อย่าง เมาริซิโอ กุชชี่ (Maurizio Gucci)ที่รับบทโดยนักแสดงหนุ่ม อดัม ไดร์เวอร์ (Adam Driver)

House of Gucci เป็นหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของตระกูลกุชชี่ ที่มีทั้งเรื่องของความรัก การแก้แค้น การทรยศ และคดีฆาตกรรมที่สั่นสะเทือนไปทั่ววงการแฟชั่น

กาก้า กับไดร์เวอร์จากหนัง ‘House of Gucci’

เนื้อหาที่นำมาสร้างใน House of Gucci เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของคนในตระกูลกุชชี่ ที่แย่งชิงทรัพย์สมบัติของ กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) ผู้เป็นพ่อและเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท

เมื่อกุชชิโอได้เสียชีวิตลง ลูกทั้ง 3 คนของเขาได้แบ่งหุ้นเท่า ๆ กันและเข้ามาบริหารดูแล Gucci ต่อจากพ่อ โดยมีอัลโด กุชชี่ (Aldo Gucci) เป็นหัวเรือสำคัญเพราะมีความสามารถในการบริหาร และ โรดอลโฟ กุชชี่ (Rodolfo Gucci) ก็เข้ามาช่วยดูแลภาพรวมต่าง ๆ ส่วนวาสโก กุชชี่ (Vasco Gucci) ลูกชายคนกลางได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา จึงทำให้อัลโดและโรดอลโฟเข้าถือหุ้น Gucci คนละ 50%

กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci)

ต่อมาอัลโดก่อตั้ง ‘Gucci Perfumes’ โดยเขาถือหุ้นถึง 80% และแบ่งหุุ้นที่เหลือเท่า ๆ กันให้กับลูกทั้ง 3 คนและโรดอลโฟ เมื่อโรดอลโฟเห็นว่า Gucci Perfumes ทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง เขาก็เริ่มรู้สึกว่าจำนวนหุ้นที่ตนถืออยู่มันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก ทีแรกโรดอลโฟพยายามขอคุยกับอัลโดถึงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่อัลโดก็ไม่เคยสนใจ ซึ่งทำให้โรดอลโฟเกิดความไม่พอใจอย่างมาก

ปัญหาการทะเลาะกันของคนตระกูลกุชชี่ไม่ได้จบแค่นั้น ต่อมา เปาโล กุชชี่ (Paolo Gucci) ลูกชายคนกลางของอัลโด เกิดมีความคิดไม่ลงรอยกับผู้เป็นพ่อ ต่อมาเปาโลจึงออกมาก่อตั้งบริษัทของตัวเอง แต่ไป ๆ มา ๆ เขาก็โดนพ่อขัดขวางเพราะไม่อยากแข่งกับลูกชายของตนเอง จนแล้วจนรอดสุดท้ายเปาโลจึงแก้แค้นอัลโดด้วยการหยิบหลักฐานคดียักยอกเงินบริษัทของอัลโดมาแฉ

เมาริซิโอซึ่งเป็นลูกชายของโรดอลโฟ ก็ใช้จังหวะนี้ฮุบบริษัทมาเป็นของตัวเอง โดยอาศัยการยืมมือเปาโลในการโค่นอัลโดลงจากตำแหน่งผู้บริหาร ก่อนที่จะแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นผู้บริหาร Gucci แทน

Gucci ในยุคการบริหารของเมาริซิโอถือเป็นยุคมืดของบริษัทอย่างแท้จริง เพราะด้วยนิสัยที่ฟุ่มเฟือยบวกกับการบริหารกิจการที่ไม่เก่ง ทำให้แบรนด์ Gucci ในเวลานั้นทำยอดขายได้น้อยเป็นปรากฏการณ์ แต่ต่อมาสถานการณ์ของบริษัทก็เริ่มดีขึ้นหลังที่เขาประกาศแต่งงานกับปาทริเซียในปี 1973

เมาริซิโอ กุชชี่  (Maurizio Gucci)

ปาทริเซียคอยสนับสนุนเมาริซิโอ ในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว นับตั้งแต่ที่ โรดอลโฟผู้เป็นพ่อของเมาริซิโอเสียชีวิตลง ซึ่งเวลานั้นถือเป็นช่วงมรสุมชีวิตของเมาริซิโอเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากผลพวงจากการบริหารที่ไม่ดี จนบริษัทมีผลประกอบการที่ขาดทุนอย่างมาก 2 พ่อลูกอัลโดและเปาโล ที่เขาแย่งตำแหน่งมาก็ยื่นฟ้องการเลี่ยงภาษีมรดกกับเขา แต่ถึงกระนั้นเมาริซิโอก็ยังมีปาทริเซียคอยอยู่เคียงข้างและแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้กับเขา

ปี 1985 ความรักของทั้งสองเริ่มมีรอยร้าว หลังจากการที่เมาริซิโอมีนิสัยเปลี่ยนไป เขาเริ่มโกหกปาทริเซียบ่อยครั้งว่าจะไปติดต่อธุรกิจ แต่ความจริงแล้วเมาริซิโอแอบไปคบหากับภรรยาน้อยคือ เปาลา ฟรังชี (Paola Franchi) จนปาทริเซียจับได้

ปี 1988 เมาริซิโอได้ขายหุ้นของ Gucci จำนวนเกือบ 50% ให้ Investcorp ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน และในปี 1993 เขาก็ได้ขายหุ้นที่เหลือของตัวเองจนหมดเกลี้ยง

ในปี 1994 ปัญหาครอบครัวที่สะสมมานานทำให้ปาทริเซียตัดสินใจหย่าร้างกับเมาริซิโออย่างเป็นทางการ

เรื่องราวที่ควรจะจบลงกลับวุ่นวายอีกครั้ง ในปี 1995 ร่างไร้วิญญาณของเมาซิโอถูกพบหน้าบริษัทของตัวเอง ท่ามกลางข่าวลือว่าปาทริเซียอดีตภรรยาคือผู้จ้างวานฆ่าเขา

ปี 1997 ภายหลังมีการสืบสวน ตำรวจพบหลักฐานที่โย่งถึงอดีตภรรยาปาทริเซีย เป็นหนังสือสัญญาการหย่าที่ข้างในระบุรายละเอียดไว้ว่า เมาริซิโอจะต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูอดีตภรรยาจำนวน 1,130,000 ต่อปี บวกกับตัวปาทริเซีย ไม่พอใจที่เมาริซิโอขายหุ้นออกอย่างไร้ค่า ทั้ง ๆ เป็นหุ้นที่เธอช่วยสร้างมูลค่าขึ้นมากับมือ ซึ่งในท้ายที่สุดตำรวจก็ได้สันนิษฐานว่าเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เหล่านี้เนี่ยแหละอาจเป็นมูลเหตุจูงใจของคดีนี้

ภายหลังปาทริเซียถูกศาลสั่งจำคุก 29 ปี แต่เมื่ออยู่ในคุกและมีการประพฤติตนดี ศาลจึงลดโทษเหลือเพียง 18 ปี ก่อนที่ในปี 2016 เธอก็ได้พ้นโทษและกลับมาใช้ชีวิตสู่โลกภายนอกอีกครั้ง

หลังจากที่เธอออกจากคุก เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอสายตาไม่ดีและไม่อยากยิงพลาด จึงได้จ้างวานมือปืนมายิงเมาริซิโอ อีกทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกผิดและอยากขอโทษอดีตสามีอีกครั้งถ้ามีโอกาส

ปี 1999 บริษัท Pinault-Printemps-Redouteได้เข้ามาซื้อหุ้นของ Gucci จำนวน 42% ซึ่งทำให้บริษัทรอดพ้นช่วงวิกฤตการเงินจากหนี้ที่เมาริซิโอก่อไว้ และยังจะกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งจวบจนปัจจุบัน

 ปาทริเซีย รีจานี่ (Patrizia Reggiani)

ใน House of Gucci ตัวภาพยนตร์ได้หยิบเรื่องราวเกิดขึ้นจริงบางส่วนของตระกูลกุชชี่ ในระหว่างปี 1970-1990 มาบอกเล่า และเน้นไปที่เหตุฆาตกรรมเมาริซิโอที่เกิดขึ้นในปี 1995 ถือเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้เน้นประวัติศาสตร์ของแบรนด์มากจนเกินไป เรียกได้ว่า House of Gucci คือการสรุปเรื่องราวที่สำคัญของตระกูลกุชชี่เลยก็ว่าได้

 

 

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ เรื่องจริงจากหนัง House of Gucci เมื่อสงครามสายเลือด นำไปสู่เหตุฆาตกรรม 'ตระกูลกุชชี่'

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook