คืนชีพฆาตกรหน้าผี กับหวีดครั้งใหม่ใน SCREAM

คืนชีพฆาตกรหน้าผี กับหวีดครั้งใหม่ใน SCREAM

คืนชีพฆาตกรหน้าผี กับหวีดครั้งใหม่ใน SCREAM
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หลังจากการจากไปของ เวส คราเว่น ผู้กำกับหนังสยองขวัญระดับตำนาน ผู้สร้าง SCREAM ภาคแรกออกมาในปี 1996 และได้พลิกโฉมหน้าหนังสยองขวัญแนวไล่เชือดไปตลอดกาล หลังจากที่หนังภาค 4 จบไปในปี 2011 ไม่มีใครเคยคิดว่าแฟรนไชส์นี้จะกลับมามี “ลมหายใจ” อีกครั้ง

 ภาคต่อที่ไม่มีใครคาดคิด และการหวนมองย้อนอดีต

หลังจากเหตุการณ์ใน Scream 4 ปิดฉากลงไปในปี 2011 และการสูญเสียเวส คราเว่นไปในปี 2015 ไม่มีใครคิดว่าแฟรนไชส์ชุดนี้จะกลับมาอีกครั้ง จนกระทั่งเมื่อปี 2018 ได้กลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งเมื่อสตูดิโอภาพยนตร์อิสระ แลนเทิร์น เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้ซื้อทรัพย์สินของบริษัทไวน์สตีน ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการ Scream ด้วย

หากเราหวนย้อนกลับไปในปี 1996 Scream กลายเป็นหนังสยองขวัญที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ จนคนดูได้ยกย่องกันว่ามันแทบจะกลายเป็นสารานุกรมของหนังไล่เชือดในยุคสมัยนั้น เพราะตัวหนังมาพร้อมกับความตื่นเต้นระทึกขวัญ ในขณะเดียวกันมันก็ยังมาพร้อมอารมณ์ขันแบบดาร์กๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังภาคแรก เล่าไปถึงย่านชุมชนชานเมืองอย่างวู้ดส์โบโร่โดยโฟกัสไปที่ซิดนีย์ เพรสค็อทท์และกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอที่พบว่าตัวเองถูกสะกดรอยตามโดยฆาตกรต่อเนื่องที่คลั่งไคล้ภาพยนตร์ ในนามโกสต์เฟซ ลักษณะตัวหนังมาพร้อมสไตล์สืบสวนสอบสวน แต่ที่กลายเป็นจุดพีคคือการหักมุมตลอดทาง ที่ดูสนุกและยังคารวะแนวทางของหนังสไตล์ไล่เชือดไปพร้อมๆกัน

ในห้วงยุคปี 1990s แนวทางของหนังไล่เชือดกำลังเดินทางมาถึงทางตัน เมื่อวิธีการดำเนินเรื่องกลายเป็นสูตรสำเร็จซ้ำซากที่คนดูเอือมระอา มิหนำซ้ำมันยังเต็มไปด้วยการรีเมคหนังอันซ้ำซาก ภาคต่อที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ (คล้ายคลึงกับยุคสมัยนี้เช่นกัน) การมาถึงของ Scream จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างและเครดิตที่สำคัญคือมือเขียนบทของเรื่องอย่างเควิน วิลเลียมสัน (เขาเป็นมือเขียนบทที่ยอดเยี่ยมของ Scream, Scream 2 และ Scream 4 และผู้อำนวยการสร้างของ Scream 3 และ Scream 4)

มองภาพรวมของ Scream ถือว่าเป็นแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จ โดยซีเควลทั้ง 4 ภาคทำรายได้รวมกันทั่วโลกกว่า 608 ล้านเหรียญฯ โดย Scream 2 ที่ออกฉายหลังจากภาคต้นฉบับไม่ถึงหนึ่งปี และเขียนบทโดยวิลเลียมสันอีกครั้ง ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างถล่มทลายในปี 1997 ตอกย้ำตำแหน่งของโกสต์เฟซให้เป็นหนึ่งในนักฆ่าที่โด่งดังที่สุดบนจอเงิน โกสต์เฟซ ผู้นำความสยองขวัญเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ กลับมาอีกครั้งใน Scream 3 ในปี 2000 และเขาก็ไล่ตามเหยื่อรายใหม่อีกครั้งใน Scream 4 ในปี 2011 และในทุกครั้ง เวส คราเวนก็จะอยู่หลังกล้องเพื่อควบคุมการสังหารโหดที่น่าสยดสยองเสมอ แต่ครั้งนี้จะเป็นผลงานการกำกับของแมทท์ เบ็ตติเนลลี-โอลพิน และไทเลอร์ กิลเล็ตต์ จาก Ready or Not

 

Scream และการพูดถึงหนังสยองขวัญ

ตามธรรมเนียมของ Scream ในทุกๆภาค ถ้าหากเราสังเกตกันดี ฉากในช่วงเปิดเรื่องนั้นมักจะมีองค์ประกอบสำคัญ คือการที่ตัวละครในฉากเปิดเรื่องจะต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรที่กำลังเล่นสนุกกับเหยื่อ พร้อมกันนั้นมันยังเป็นวิธีการพูดถึง “ลักษณะของหนังสยองขวัญ” ในห้วงเวลานั้นๆอีกด้วย

เช่นกันในยุคสมัยปัจจุบัน Scream ก็ได้รับการตั้งคำถามว่ามันดำรงตำแหน่งอะไรในฐานะภาพยนตร์สยองขวัญ มีอะไรบ้างที่เทียบเท่ากับ Scream โดยในแฟรนไชส์ชุดนี้ ผู้ชมจะทราบดีว่าในจักรวาลของมัน มีการสร้างหนังเรื่อง Stab ที่ลอกเลียนแบบเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Scream (ปรากฏอยู่ในตอนต้นเรื่องของหนังภาค 2 และดำเนินต่อเนื่องมาเรื่อยๆจนภาคล่าสุด) ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่แนวคิดในประเด็นของเรื่องการสร้างหนัง “รีเควล” และ “การเป็นหนังสยองขวัญระดับคลาสสิค” การให้นิยามความหมายของรีเควล ที่เปรียบเสมือนการรีบูตไปพร้อมๆกับการทำภาคต่อไปพร้อมๆกัน และนี่คือการสะท้อนวิธีการสร้างหนังในยุคปัจจุบันที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงหนังสยองขวัญเท่านั้นแต่ยังหมายถึงหนังในแนวทางอื่นๆด้วยเช่นกัน

นอกจากหนังภาคนี้จะสร้างขึ้นเพื่อยกย่องหนังภาคแรกแล้ว มันยังเป็นการให้เกียรติกับภาคต่อทั้ง 3 ภาคก่อนหน้าด้วย ดังนั้นจะมีการใส่ตัวละครจากภาคก่อนๆเข้ามา ไม่ใช่แค่เพียงตัวเอกอย่างซิดนีย์ เกลและดิวอี้ เท่านั้น แต่ตัวละครอื่นๆที่เคยดำรงอยู่ในจักรวาลนี้ก็มีโอกาสกลับมามีลมหายใจต่อด้วยเช่นกัน

เราจะได้เจออะไรในวูดส์โบโร่ครั้งนี้

หนังภาคนี้จะโฟกัสไปที่ตัวละครตัวใหม่อย่างซาแมนธา คาร์เพนเตอร์ ผู้ออกจากวู้ดส์โบโรเมื่อห้าปีก่อน เธอตัดสินใจทิ้งน้องสาวอย่างทาราเอาไว้ที่เมืองแห่งนี้และไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอื่น เธอจมอยู่กับความรู้สึกผิดมาโดยตลอด แต่เมื่อเธอได้รับแจ้งข่าวว่าทาราถูกโกสต์เฟสโจมตี ทำให้แซมตัดสินใจเดินทางกลับมาเยี่ยมน้องสาวที่วู้ดส์โบโร่อีกครั้ง โดยที่มีบรรดาเพื่อนร่วมชั้นเรียนของทาราที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ไม่นานหลังจากนั้นบรรดาตัวละครทั้ง 3 ในตำนานก็ล้วนแล้วแต่ถูกดึงกลับมายังเมืองแห่งนี้อีกครั้ง ภายใต้ความอันตรายครั้งใหม่

 

บทภาพยนตร์ที่กันการหลุดสปอยล์ตอนจบ!

สิ่งที่ทีมผู้สร้างต้องการจะปิดให้เป็นความลับสุดยอดคือการเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของโกสต์เฟซ ดังนั้นการคลี่คลายทุกอย่างในตอนท้ายเรื่องจึงถึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ดังนั้นการปกปิดตัวตนของตัวละครนี้ไม่ให้ทีมงานและนักแสดงทราบจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นทีมงานจึงตัดสินใจทำบทออกมาในหลายเวอร์ชั่น โดย 30 หน้าสุดท้ายของบท นักแสดงแต่ละคนจะได้รับบทที่แตกต่างกันไป เพื่อป้องกันการเผลอหลุดบอกบทกับคนภายนอกไปก่อนที่หนังจะออกฉาย จะมีเพียงแต่นักแสดงที่ต้องเฉลยตัวเองว่าเป็นฆาตกรเท่านั้นที่จะได้บทที่ปรากฏอยู่บนจอที่ผู้ชมได้ดูบนจอใหญ่ ที่จะได้บทที่แท้จริงไป

 

ดังนั้นถ้าใครเป็นแฟนหนัง Scream คุณควรรีบไปดูก่อนโดนสปอยล์ตอนจบ! อย่างด่วนครับ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ คืนชีพฆาตกรหน้าผี กับหวีดครั้งใหม่ใน SCREAM

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook