5 ภาพยนตร์ กระทำความหว่อง ที่ตราตรึงหัวใจผู้คนทั่วโลก

หว่องกาไว ถือเป็นผู้กำกับและนักเขียนบทชาวฮ่องกงที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ผลงานแต่ละชิ้นล้วนมีเอกลักษณ์เด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคนิค ภาพ ฉาก เครื่องแต่งกาย ดนตรีประกอบ นักแสดง ตลอดจนมุมการเล่าเรื่องล้วนเป็นที่กล่าวขานของแฟนภาพยนตร์จำนวนมาก จึงไม่แปลกที่ผู้คนต่างมอบวลีอย่าง “กระทำความหว่อง” ให้กับเขา 

“กระทำความหว่อง” กลายเป็นวลีสำหรับความรู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยว และเดียวดาย ด้วยความที่ผู้กำกับชาวฮ่องกงคนนี้เข้าใจหัวอกของคนเหงาอย่างลึกซึ้งราวกับเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเราไปสร้างภาพยนตร์ ทำให้ไม่ว่าจะกี่ปีหนังของเขาไม่อาจลืมเลือนหายไปจากใจแฟนๆ ได้ นอกจากนี้ผลงานของเขายังส่งอิทธิพลต่อหนังในภาพยนตร์ยุคหลังและเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน

ทาง Sanook จึงขอรวบรวม 5 ภาพยนตร์สไตล์หว่องที่โด่งดังและตราตรึงใจแฟนๆ ภาพยนตร์มาจนถึงวันนี้!

 

ผู้หญิงผมทอง ฟัดหัวใจให้โลกตะลึง Chungking Express (1994)

เริ่มด้วยภาพยนตร์แจ้งเกิดความเหงาสไตล์หว่องให้โด่งดังในระดับโลกอย่าง ผู้หญิงผมทอง ฟัดหัวใจให้โลกตะลึง (Chungking Express) ที่ใช้แบบแผนการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร อย่างการนำเรื่องราวสองเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาต่อกัน โดยครึ่งแรกของหนังจะพาเราไปรู้จักกับ นายตำรวจหมายเลข 223 รับบทโดย ทาเคชิ คาเนชิโร ชายผู้ถูกแฟนสาวบอกเลิกในวัน April Fool’s Day เพราะไม่ยอมรับความจริงว่าคนรักได้จากเขาไปแล้ว เขาจึงหันมาหมกมุ่นกับการตามกินสับปะรดกระป๋องที่หมดอายุในวันเกิดของตัวเองเพื่อเป็นเหตุผลในการรอคอยแฟนเก่าให้กลับมาบอกเขาว่าเธอโกหก ส่วนในครึ่งหลังจะเป็นเรื่องราวของ นายตำรวจหมายเลข 663 รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย ชายหนุ่มผู้ยังคงคิดถึงแฟนเก่าแอร์โฮสเตสสาวที่ทิ้งเขาไป จนลืมมองหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ตกหลุมรักเขาอย่างเงียบๆ อย่าง อาเฟย น้องสาวเจ้าของร้านฟาสต์ฟูดที่เขาซื้อเป็นประจำ รับบทโดย เฟย์ หว่อง สุดท้ายนี้ความรักของ 2 ตำรวจหนุ่มที่ไม่อาจหลุดพ้นจากความรักในอดีตจะลงเอยอย่างไร พวกเขาจะหลุดพ้นจากความเหงาและเปล่าเปลี่ยวในฮ่องกงได้ไหม มาร่วมเหงาไปด้วยกันได้ทาง Netflix

โลกนี้รักใครไม่ได้นอกจากเขา Happy together (1997)

ภาพยนตร์เกย์ระดับตำนานอย่าง โลกนี้รักใครไม่ได้นอกจากเขา Happy together ซึ่งเป็นหนังแนว Hopeless Romantic ที่สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชมมากมายตั้งแต่ช่วงที่ฉายครั้งแรกในเทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อปี 1997 ตัวหนังได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจนได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำ และส่งให้หว่องกาไวคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมไปครอง โดยหนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักชายหนุ่ม 2 คนอย่าง ไหลเยี่ยฟา รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย และ โหเป่าหวัง รับบทโดย เลสลี่จาง ที่เดินทางฮ่องกงมายังประเทศอาร์เจนติน่า เพื่อหวังจะได้ดูน้ำตกอีกวาซูด้วยกัน แต่นับวันที่อยู่ด้วยกันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่กลับแย่ลง กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งอุ่นใจและทำให้เสียน้ำตา แม้จะมีช่วงที่ต้องห่างเหินกันไป แต่ทั้งคู่ก็มีเหตุให้โคจรกลับมาพบเจอกันเสมอ และลึกๆ ในใจของแต่ละฝ่ายต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์แบบนี้ เป็นความรักที่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจ แต่มันจะเป็นเช่นนั้นได้ตลอดไปหรือไม่ ในเมื่อมีใครอีกคนกำลังเข้ามาทำให้ความรู้สึกที่แต่ละคนเคยมีไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สุดท้ายเรื่องราวความรักของทั้งสองจะลงเอยอย่างไร ความฝันในการไปดูน้ำตกด้วยกันจะสำเร็จหรือไม่ ติดตามได้ทาง Netflix

 

ทะลุกลางอก As Tears Go By (1988) 

ภาพยนตร์แก๊งสเตอร์ฉบับฮ่องกงอย่าง ทะลุกลางอก As Tears Go By ไม่เพียงแต่เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ หว่องกาไว แต่ยังเป็นภาพยนตร์ที่มีพล็อตเรื่องเข้าใจง่ายที่สุดของเขา ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้เขาไปทั่วฮ่องกง โดยหนังบอกเล่าเรื่องราวของ อาง้อ รับบทโดย จางม่านอวี้ ที่ต้องเดินทางจากเกาลูนมาหาหมอที่ฮ่องกงเพื่อรักษาตัวจากโรคปอด ทำให้ได้พบและอาศัยอยู่ร่วมกับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นนักเลงข้างถนนอย่าง อาหว๋อ รับบทโดย หลิวเต๋อหัว แม้จะอยู่ด้วยกันไม่นานแต่ทั้งสองก็เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ขณะเดียวกัน อาหว๋อ ก็ถูกหญิงสาวที่ตนรักบอกเลิกทั้งยังทำแท้งลูกของเขาเพื่อไปแต่งงานกับชายหนุ่มคนใหม่ ต่อมา อาง้อ เดินทางกลับไปเกาลูน อาหว๋อ อยากตามเธอไปแต่ติดที่ แมลงวัน ลูกน้องของเขา รับบทโดย จางเส่วโหยว คอยหาเรื่องให้เขาแก้ปัญหาให้ไม่หยุด เมื่อเขาไปหา อาง้อ ที่เกาลูนพร้อมกับความคิดที่ว่าตกลงปลงใจกับเธอ แต่กลับได้ทราบข่าวว่า แมลงวัน มีเรื่องกับนักเลงอีกแกงค์ สุดท้าย อาหว๋อ จึงต้องเลือกระหว่างความรักและศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย 

วันที่หัวใจรัก กล้าตัดขอบฟ้า Days of Being Wild (1990)

วันที่หัวใจรัก กล้าตัดขอบฟ้า Days of Being Wild ถือเป็นผลงานการกำกับเรื่องที่สองของ หว่อง กาไว และเป็นเรื่องที่ทำให้เขาได้พบกับลายเซ็นการทำหนังของตัวเองอย่าง "กระทำความหว่อง" ด้วยการถ่ายทอดหนังที่ไม่มีบทหนังที่ชัดเจน แต่เน้นเล่าเรื่องผ่านตัวละครเป็นหลัก โดยหนังเรื่องนี้พาผู้ชมย้อนไปสัมผัสบรรยากาศของฮ่องกงยุค 60 และเล่าเรื่องราวของ ยกไจ๋ รับบทโดย เลสลี่ จาง ที่อาศัยอยู่กับ ป้า รับบทโดย รีแบ็กกา แพน ที่รับเขามาเลี้ยงดู ด้วยความที่มีปมกับการถูกพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาเติบโตมาเป็นชายหนุ่มมากรักหัวใจโลเลที่เปรียบตัวเองเป็นดั่งนกไร้ขาที่ได้แต่โผบินไปมา ไม่มีวันที่จะลงเอยกับใครได้ และหนึ่งในเหยื่อผู้น่าสงสารของเขาคือ สาวขายน้ำอัดลมใต้สนามกีฬาที่ชื่อ ซูไหล่เจิน รับบทโดย จางมั่นอวี้ ซึ่งต้องทนทรมานกับความไม่แน่นอนของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ทอดทิ้งเธออย่างเยือกเย็น และหันไปคบกับสาวนักเต้นไนท์คลับอย่าง มี่มี่ รับบทโดย หลิวเจียหลิง แทน ในขณะที่ โซวไหล่เจิน ที่พึ่งถูก ยกไจ๋ ทอดทิ้งได้ไม่นานก็ได้พบกับ ตำรวจหนุ่ม รับบทโดย หลิว เต๋อหัว ที่มีใจให้เธอเช่นกัน แม้ Day of Being Wild จะไม่ใช่หนังแมส แต่ก็ถือเป็นอีกผลงานหนึ่งของ หว่อง กาไว ที่ควรค่าแก่การรับชม

ห้วงรักอารมณ์เสน่หา In the Mood for Love ( 2000)

ปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ที่ใครหลายคนยกให้เป็นที่สุดของ หว่องกาไว อย่าง ห้วงรักอารมณ์เสน่หา In the Mood for Love อีกทั้งยังเป็นผลงานกำกับที่เขายอมรับว่า ทำยากที่สุดในชีวิต โดยใช้เวลาสร้างนานถึง 15 เดือน โดยหนังบอกเล่าเรื่องราวความรักของหญิงสาวและชายหนุ่มภายใต้ฉากหลังของฮ่องกงในปี 1962 โดยครอบครัวของ โจวมู่หวัน คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย และครอบครัวของเลขาบริษัทชิปปิ้งอย่าง โซวไหล่เจิน รับบทโดย จางมั่นอวี้ ได้ย้ายมาอยู่ฮ่องกงในห้องเช่าที่ติดกัน อีกทั้ง 2 ครอบครัวยังขนของเข้ามาวันเดียวกัน ต่อมาคู่ครองของ โจวมู่หวัน และ โซวไหล่เจิน ได้ลักลอบเป็นชู้กัน ทำให้ชีวิตคู่ของแต่ละฝ่ายเริ่มจืดจางและไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าที่ควร เมื่อความเหงาได้พาเขาทั้งสองมาอยู่ใกล้กันจนเกิดความผูกพันที่ยากจะห้ามใจ สุดท้ายนี้พวกเขาจะปล่อยตัวปล่อยใจและยอมให้ความเสน่หาชักพาให้ทั้งคู่เล่นชู้กันเหมือนคนรักของพวกเขาหรือไม่ ติดตามชมผลงานสุดเหงาและชวนผิดศีลธรรมทางใจได้ทาง Netflix