4 ประเด็น หลังประกาศชื่อผู้เข้าชิงออสการ์ปี 2022 โดย ก้อง ฤทธิ์ดี
Academy Awards หรือ ออสการ์ ครั้งที่ 94 ปี 2022 ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ...กับ 4 ประเด็นหลังประกาศชื่อผู้เข้าชิง โดย ก้อง ฤทธิ์ดี
ปีของหนังต่างประเทศ
โดยปกติ ออสการ์คือรางวัลหนังอเมริกัน (แซมด้วยหนังอังกฤษ) ยกเว้นแต่สาขา Best International Feature ที่เป็นรางวัลสำหรับหนังโลก แต่ในช่วงหลังนับตั้งแต่สองปีก่อนที่ Parasite สร้างประวัติศาสตร์ได้รางวัล Best Picture ออสการ์มีแนวโน้ม“พยายาม” เปิดรับหนังจากประเทศอื่นๆ ในสาขาหลักมากขึ้น และเริ่มไม่กลัวหนังที่ต้องอ่านซับไตเติ้ล รายชื่อหนังเข้ารอบสุดท้ายที่ประกาศมาปีนี้ชัดมาก เพราะ Drive My Car นำทีมเข้าชิงทั้งสาขาหนังยอดเยี่ยม ผู้กำกับ หนังต่างประเทศ และบทดัดแปลง ส่วน The Worst Person in the World หนังดรามาจากนอร์เวย์ เข้าชิงสาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม และบทดั้งเดิม ยังมีหนังสเปน Parallel Mothers ที่ได้เข้าชิงหนังนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เพเนโลเป ครูซ) และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ส่วนหนังอนิเมชั่นจากเดนมาร์คเรื่อง Flee สร้างสถิติเข้าชิงทั้งสายหนังอนิเมชั่น สารคดี และหนังต่างประเทศ ไม่เคยมีหนังเรื่องไหนได้เข้าชิงสามสาขานี้ในปีเดียวกันมาก่อน Flee ต้องเจอกับ Encanto ตัวเก็งจากดิสนีย์ในสายอนิเมชั่น แต่ทุกสายตาคงจดจ้องไปที่ Drive My Car หนังญี่ปุ่นเรื่องดังของปี ว่าจะสามารถไปไกลแบบ Parasite เมื่อสองปีก่อนหรือเปล่า
Netflix เถลิงอำนาจ
Netflix เคยถูกมองว่าเป็น “คนนอก” ของฮอลลีวูด เป็นแค่บริษัทให้เช่าวิดีโอที่ดันได้ดี แต่ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ในบรรดามหาอำนาจสตูดิโอสตรีมมิ่ง ปีนี้ Netflix นำทีมได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 27 ชื่อ กระจายอยู่ใน 23 สาขา (ปีที่แล้วมากกว่านี้อีก คือ 36 ชื่อ) เรื่องที่เต็งนำมาคือ The Power of the Dog ที่ได้รับการเสนอชื่อถึง 12 สาขา มากที่สุดในปีนี้ (และน่าจะเป็นหนังที่ดีที่สุดด้วยในสายตานักวิจารณ์) ตามมาด้วยหนังฮิต Don’t Look Up และรวมถึงสาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม The Hand of God จากอิตาลี อีกทั้งรางวัลนักแสดงอีกหลายสาขา หาก The Power of the Dog ได้ออสการ์ Best Picture ขึ้นมาจริงๆ นี่จะเป็นหมุดหมายของ Netflix ในการก้าวขึ้นเป็นสตูดิโอหลักของฮอลลีวูด เทียบชั้นสตูดิโอเก่าแก่อื่นๆ เป็นการประกาศศักราชใหม่ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างแท้จริง (และคงทำให้มูลค่าหุ้นขึ้นตามไปด้วย หลังจากร่วงไปไม่น้อยในช่วงหลัง)
ไม่สงสารเลดี้ กาก้า กันบ้างหรือ
ทุกปี การประกาศชื่อผู้เข้าชิงรางวัลจะมีการสังเกตผู้ที่ถูก “snub” หรือถูก “เขี่ยทิ้ง” ไม่ได้เข้ารอบ ปีนี้มีหลายชื่อที่น่าเห็นใจ เช่น เดนิส วิลเนิฟ ที่ถึงแม้ Dune ของเขาจะเข้าชิงถึง 10 สาขา แต่กลับไม่มีชื่อวิลเนิฟ ในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม น่าเสียดายมากๆ อีกหนึ่งผู้กำกับที่ไม่ได้เข้าชิงถึงแม้หนังจะได้เข้าชิง คือ อดัม แมคเคย์ จากเรื่อง Don’t Look Up แต่ชื่อที่ทุกคนรอว่าจะเข้าหรือไม่เข้า คือเลดี้ กาก้า จากบทนำใน House of Gucci หนังที่ถูกค่อนขอดมากที่สุดแห่งปี ในหลายสำนักรางวัลที่ผ่านมา เลดี้ ก้า เบียดแซง คริสเตน สจ๊วร์ต จาก Spencer เข้าไปได้ แต่ไม่ใช่ที่ออสการ์ เพราะปรากฏว่า สจ๊วร์ต (ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมมากมายตั้งแต่ Spencer ออกฉายเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา) กลับมามีชื่อในฐานะผู้เข้าชิงนักแสดงนำหญิง และเขี่ย เลดี้ ก้า ตกไป จะว่าน่าเสียดายก็ได้ แต่เชื่อว่าหลายคนก็คงไม่สงสารเธอสักเท่าไหร่ ด้วยลีลาการแสดงแบบเว่อร์วังเล่นใหญ่ ที่ทำให้หนังมีรสชาติแปร่งประหลาดมากทีเดียว
ไม่มีม้าเต็งและม้ามืดอีกต่อไป
ทุกสายข่าวรายงานตรงกันว่า มันยากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะคาดการณ์ผลรางวัลออสการ์ แต่เดิมพอประกาศชื่อผู้เข้าชิงออกมา ทุกคนในโลกแทบจะเดาได้ทันทีว่าหนังแบบไหนน่าจะถูกใจผู้มีสิทธิ์โหวตกว่า 7,000 คน แต่ในช่วงห้าถึงหกปีหลัง ตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนไปคือการที่ออสการ์พยายามเปิดรับคนในวงการหนังนอกประเทศอเมริกา (พูดง่ายๆ ว่าเพิ่มคนโหวตที่ไม่ใช่คนผิวขาว) มากขึ้น จากเดิมที่ผู้ออกเสียงนอกฮอลลีวูดมีเพียง 12 เปอร์เซ็นต์ กลายมาเป็นเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ภายในกลุ่มอเมริกาเอง ก็มีการขยายฐานผู้มีสิทธิ์โหวตมากขึ้น ไปรวมเอาคนบันเทิงจากสายงานอื่นๆ แม้กระทั่งดาว Tik Tok ดังๆ บางคนยังได้รับสิทธิ์โหวต ในแง่ดี แน่นอนว่ารางวัลน่าจะมีความหลากหลายมากขึ้น แต่ปัญหาใหญ่อีกประการของออสการ์คือ ในโลกที่การรับชมหนังและพฤติกรรมผู้ชมเปลี่ยนไป จะทำอย่างไรให้เกิดกระแสและเรียกคนดูมาดูการถ่ายทอดสดให้มากๆ เหมือนแต่ก่อนได้
รางวัลออสการ์จะประกาศผลปีนี้ในวันที่ 27 มีนาคม
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ