Marry Me รักสามัญของซุปตาร์ รอม-คอม รำลึกกลิ่นอายยุค 2000s

Marry Me รักสามัญของซุปตาร์ รอม-คอม รำลึกกลิ่นอายยุค 2000s

Marry Me รักสามัญของซุปตาร์ รอม-คอม รำลึกกลิ่นอายยุค 2000s
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจนนิเฟอร์ โลเปซ เธอเป็นทั้งศิลปิน นักร้อง นักแสดง โปรดิวเซอร์ ความสามารถเรียกได้ว่า รอบด้านรอบตัว หลายสิบปีที่เธอโลดแล่นมาในวงการมายา เธอน่าจะเป็น “ดาวค้างฟ้า” ที่อยู่มาแล้วหลายยุคสมัยและไม่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลา ปี Marry Me ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอ ได้กลับมาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้

ย้อนกลับไปในปี 1997 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปีทองทางด้านการแสดงของสาวเจนนิเฟอร์ โลเปซ เลยก็ว่าได้ผลงานอย่าง Selena ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบนเวทีลูกโลกทองคำในฐานะนักแสดงนำหญิงประเภทหนังเพลงหรือหนังตลก U Turn ผลงานหนังอาชญากรรมทริลเลอร์ผลงานการกำกับของโอลิเวอร์ สโตน และหนังงูยักษ์อย่าง Anaconda ซึ่งทำรายได้ทั่วโลกถล่มทลายไปถึง 136 ล้านเหรียญฯ และยังกลายเป็นหนังสัตว์ประหลาดที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชมมาโดยตลอด นอกจากนี้มันยังเป็นหนังที่เธอร่วมแสดงกับโอเวน วิลสัน อีกด้วย

อย่างไรก็ตามเจโล กลายเป็นนางเอกหนังโรแมนติกคอมเมดี้ในความทรงจำของแฟนหนังนับตั้งแต่ The Wedding Planner ซึ่งเธอได้ประกบคู่กับหนุ่มหล่อแมททิว แมคคอนนาเฮย์ ในปี 2001 ทิ้งห่างไปอีก 1 ปี Maid in Manhattan ซินเดอเรลล่าเวอร์ชั่นสาวใช้ โกยเงินทั่วโลกไปถึง 154 ล้านเหรียญฯ ถือว่าเป็นหนังรอมคอมที่ประสบความสำเร็จมากในยุคนั้น

ทิ้งช่วง 2000 ต้นๆ ดูเหมือนว่างานภาพยนตร์ของเจโลอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าผลงานเพลงของเธอสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่เคยห่างหายไปจากสื่อฯ ต่างๆ เธอยังคงมีข่าวคราว ผลงานให้แฟนๆติดตามเธออยู่เสมอ จนปี 2018 เธอกลับมาแสดงหนังรอมคอมอีกครั้งใน Second Act สาวความสามารถรอบตัว ขาดก็เพียงแค่วุฒิการศึกษา ทำให้เธออุตริปลอมเรซูเม่เพื่อไปสมัครงานเป็นสาวออฟฟิศ ก่อนที่ทุกอย่างจะมาพร้อมความวุ่นวายในชีวิต ส่วนปี 2019 Hustlers หนังเผยโลกเทาๆของสาวเต้นรูดเสาทำให้เจโล ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบนเวทีลูกโลกทองคำอีกครั้ง

 

Marry Me เล่าชีวิตอันแสนโดดเด่นภายใต้สปอร์ตไลท์ของแคท วาลเดซ เธอกำลังจะแต่งงานกับนักร้องหนุ่มหล่ออย่างบาสเตียน (มาลูมา) เช่นเดียวกันกับผลงานเพลงดูเอตคู่ในซิงเกิ้ล Marry Me ไม่เพียงเท่านั้น ในฐานะซูเปอร์สตาร์ทั้งสองจึงตัดสินใจจะไลฟ์งานแต่งของตัวเองผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ จนกระทั่งไม่กี่นาทีก่อนงานแต่งจะเริ่มต้นขึ้น แคมพบว่าบาสเตียนได้นอกใจเธอ

เมื่ออยู่บนเวทีในฐานะนักร้อง แคทจึงดำเนินการแสดงต่อไปอย่างมืออาชีพ ในขณะที่ชาร์ลีย์ กิลเบิร์ต (แพทริก วิลสัน) ที่มาดูคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นเพื่อนกับลูกสาวอย่างลู  (โคลอี้ โคลแมน) ได้เธอป้ายกระดาษที่เขียนว่า Marry Me ในวินาทีนั้นเอง แคทที่กำลังสิ้นหวังอยู่บนเวที เธอจึงตัดสินใจแต่งงานกับชาร์ลีย์แบบไม่ทันตั้งตัว จนกลายเป็นข่าวช็อกวงการ หลังจากที่เริ่มได้สติแคทจึงพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว และให้โอกาสกับตัวเองที่จะลองคบหากับชาร์ลีย์

 

หลายคนอาจจะมองได้ว่า Marry Me นั้นเป็นเหมือน Notting Hill ว่าด้วยหนุ่มสามัยชนที่ตกหลุมรักกับดาราสาวฮอลลีวูดชื่อดัง แต่จะว่าไปแล้ว Marry Me นั้นกลับเป็นการสะท้อนภาพความเหนื่อยหน่ายของการต้องอยู่ท่ามกลางแสงไฟอยู่ตลอดเวลาของตัวละครอย่างแคท (หรือชีวิตจริงของเจโลเองก็คงไม่ผิดนัก) จนมีอยู่ช่วงหนึ่งของหนังได้เปรียบเปรยว่าชีวิตของเธอแทบไม่ต่างอะไรจากตัวเองเป็นสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์เลยก็ว่าได้

นอกจากนี้เรายังสามารถในบริบทที่ตัวละครทั้งสองตัวที่เป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนอายุผ่านเลยครึ่งชีวิตไปแล้ว แคทผิดหวังกับความรักมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ผ่านการแต่งงาน ถูกบอกเลิก ถูกคนรักหักหลังกระทั่งสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการโดนปล่อยคลิปลับ! แต่เธอก็ยังไม่เคยที่จะหมดหวังกับความรักและมองว่ามันยังคงหล่อเลี้ยงให้ชีวิตเธอ ทางด้านชาร์ลีย์เองเขากลายเป็นพ่อม่ายลูกติด ที่ชีวิตแต่งงานไปไม่รอดเช่นกัน แต่ในวินาทีที่เขาถูกแคทขอแต่งงานกลางงานคอนเสิร์ตเช่นนั้น เหตุผลที่เขาตอบรับและตกกะไดพลอยโจนไปไม่ใช่เพราะเขาอยากจะโด่งดัง มีชื่อเสียง ได้ออกสื่อ หรือหิวเงินแต่อย่างใด แต่เขาตัดสินใจเช่นนั้นเพราะเขามองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังสิ้นหวังและต้องการจะหาทางออก (แม้มันจะดูบ้าคลั่งมากก็ตามที)

ในความวู่วามของแคท เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอมองโลกอย่างเข้าอกเข้าใจ เท่าทันต่อสถานการณ์ว่าสุดท้ายแล้วการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะบอกกับสื่อตามตรงว่าเธอสิ้นคิดก็ดูจะเป็นการทำร้ายตัวเอง ในขณะเดียวกันการหาทางออกที่ละมุนละม่อมกว่าคือการตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าจริงๆแล้วความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น บางทีถ้าหากเธอลองคบหาดูใจกับชาร์ลีย์แล้วให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทั้งคู่จะไปด้วยกันรอดหรือไม่รอดน่าจะทางออกที่ดีกว่า

หนังไม่ได้เผยให้เห็นแต่ปัญหาของทางฝั่งซูเปอร์สตาร์อย่างแคทเพียงด้านเดียว แต่เรายังได้เห็นว่าชาร์ลีย์เองก็ต้องรับมือกับการกลายเป็นคนที่ถูกสื่อฯ จับจ้องจนไม่มีความเป็นส่วนตัว และในฐานะของคุณครูสอนคณิตศาสตร์เด็กประถม สถานการณ์เช่นนี้จึงไม่ใช่ภาวะปกติสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย

สิ่งที่ Marry Me พยายามนำเสนอแก่ผู้ชม ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องราวความรักที่ดูจะเป็นเรื่องละเมอเพ้อพกและพาฝันแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันยังสะท้อน “วุฒิภาวะ” ของตัวละครในวัยผู้ใหญ่ที่น่าสนใจและพยายามหาทางออกของปัญหา ซึ่งเราอาจจะไม่เคยได้เห็นมาก่อนในหนังรอมคอมในยุคเก่าก่อนของสาวเจโล

วันนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนัง Marry Me ได้ทำให้เราเห็นว่า มันเป็นหนังที่สร้างมาถูกที่ถูกเวลา นักแสดงถูกคน และกำลังบอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเปิดใจครั้งใหม่ให้กับความรักหนใหม่ได้สมกับช่วงวัยของตัวเองจริงๆ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook