รีวิว Uncharted ขุมทรัพย์และคำว่า "พี่ชาย"
Uncharted หนังตามหาขุมทรัพย์เรื่องล่าสุด ดัดแปลงมาจากเกม PlayStation ชื่อดัง โดยได้ดาราหนุ่มเนื้อหอม ทอม ฮอลแลนด์ มารับบทเป็นนาธาน เดรค ส่วนมาร์ค วอห์ลเบิร์ก รับบทวิคเตอร์ “ซัลลี” ซัลลิแวน จับมือกันออกตามหาขุมทรัพย์สุดขอบโลก
การเปิดเรื่องของ Uncharted เล่าห้วงเวลาตั้งแต่ที่นาธาน เดรคยังเป็นเด็กกำพร้า เขามีความฝันร่วมกันกับพี่ชายแซม (รูดี้ แพนคาว) ว่าวันหนึ่งทั้งสองจะออกไปล่าขุมทรัพย์ด้วยกัน แต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน จนกระทั่งนาธานเติบโตเป็นหนุ่มโสดที่ต้องหาเลี้ยงชีพตัวเองด้วยการเป็นบาร์เทนเดอร์ (และมิจฉาชีพในคราบหนุ่มเจ้าเสน่ห์)
วิคเตอร์ “ซัลลี” ซัลลิแวนที่บังเอิญมาเห็นสกิลในการเอาตัวรอด เขาจึงพยายามโน้มน้าวในนาธาน กลายมาเป็น “ลูกมือ” เพื่อช่วยให้เขาออกตามล่าหาขุมทรัพย์ที่หายไปของเฟอร์ดินาน แมคเจนแลนด์ให้ได้ ซึ่งระหว่างทางเขายังต้องเผชิญหน้ากับโคลอี้ (โซเฟีย อาลี) มิตรเก่าที่ทั้งเคยได้ผลประโยชน์และหักหลังเขามาแล้ว
ความไว้วางใจกลายเป็นอีกหนึ่งปมประเด็นสำคัญ ที่ Uncharted ทำให้เราเห็นว่า “สัจจะ” ในหมู่โจรอาจจะไม่เกิดขึ้นจริง ถ้าหากพวกเขาไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน แรงขับที่สำคัญที่ทำให้นาธานร่วมมือ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการขุมทรัพย์มหาศาล แต่ในใจลึกๆคือเขาคาดหวังจะได้พบกับพี่ชายที่พัดพราก ส่วนซัลลี ได้ผลประโยชน์ที่เอานาธานมาเป็นคู่หู เพราะเขาต้องการทั้งความรู้ และ ความสามารถเฉพาะตัวของนาธานในการแกะรอยปริศนาสู่ขุมทรัพย์
ตลอดเส้นทางการผจญภัย โดยเฉพาะบรรดาฉากแอ็คชั่นโครมคราม ไม่ว่าจะเป็นฉากการประมูลไม้กางเขน ฉากการแกะรอยจากโบสถ์โบราณสู่ทางลับใต้ดิน ไปจนถึงเรือโบราณที่หลับใหลอยู่ในเกาะสักแห่งในประเทศฟิลิปปินส์ เผยให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลาว่าตัวละครในเรื่องพร้อมจะหักหลังกันอยู่เรื่อยๆ เพียงเพราะพวกเขารู้ว่าผลประโยชน์นั้นใกล้มือตัวเองแค่ไหน
ขุมทรัพย์ล้ำค่าที่สุดสำหรับนาธาน ซึ่งได้ล่วงรู้ความจริงเกี่ยวกับพี่ชายในที่สุด นำไปสู่ความไว้เนื้อเชื่อใจกับซัลลี่ ผู้เป็นทั้งคู่หูและเมนทอร์คนสำคัญในชีวิต ทำให้เขาได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญของการเป็นนักล่าสมบัติ เช่นเดียวกันซัลลีเองก็ได้เรียนรู้ที่จะเปิดใจในการละทิ้งความต้องการของตัวเองและมีศรัทธาในผู้คนเช่นกัน
Uncharted อาจจะเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากเกมก็ตามที แต่เนื้อหาเรื่องราวของการล่าขุมสมบัตินั้น ไม่ใช่เรื่องราวที่ยากเย็นต่อการคาดเดา บรรดาฉากระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นมุกตลก บทสนทนาที่ยืดเยื้อ ดูเป็นจุดด้อยประการสำคัญของหนัง ถึงอย่างนั้นผู้กำกับรูเบน เฟลชเชอร์ ยังสามารถนำเสนอฉากแอ็คชั่น ฉากแกะรอยปริศนาขุมทรัพย์ออกมาได้สนุกตื่นเต้น สมราคาหนังบล็อกบัสเตอร์ จนเราก็คาดหวังให้หนังชุดนี้ประสบความสำเร็จและมีภาคต่อตามออกมาเช่นกัน