Texas Chainsaw Massacre 2022 ตำนาน "เลื่อยไล่สับ" กลับมาคืนจอ Netflix

Texas Chainsaw Massacre 2022 ตำนาน "เลื่อยไล่สับ" กลับมาคืนจอ Netflix

Texas Chainsaw Massacre 2022 ตำนาน "เลื่อยไล่สับ" กลับมาคืนจอ Netflix
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาคต่อของหนังไล่เชือดในตำนาน กับฆาตกรต่อเนื่องในระดับไอคอนอย่าง “เลทเธอร์เฟซ” ซึ่งมาพร้อมกับอาวุธคู่ใจอย่างเลื่อยไฟฟ้า ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ คือภาคที่เคลมว่าเล่าเรื่องราวต่อมาจาก Texas Chainsaw Massacre ปี 1974 ของผู้กำกับโทบี้ ฮูเปอร์ ผู้ล่วงลับ

 

Texas Chainsaw Massacre ปี 1974

เล่าเรื่องราวของเหล่ากลุ่มเพื่อนสนิท 5 คนที่เดินทาง ผ่านเมืองเท็กซัสด้วยรถตู้คาราวาน ระหว่างที่พวกเขาแวะพักระหว่างทางด้วยการไปสำรวจบ้านหลังหนึ่ง โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นที่อยู่ของฆาตกรโรคจิตที่ถลกหนังหน้าของมนุษย์เอามาเป็นหน้ากากอำพรางหน้าของตัวเอง พร้อมทั้งมีเลื่อยไฟฟ้าเป็นอาวุธคู่ใจเอาไว้ออกเชือดเหยื่อที่บังเอิญผ่านมาผ่านไป อย่างไรก็ตามความวิปริตของ “เลทเธอร์เฟซ” ไม่ได้มีแค่เพียงหนึ่ง แต่บรรดาสมาชิกในครอบครัวของเขา ก็จัดได้ว่าโหดร้ายบ้าคลั่งไม่แพ้กัน

โดยในตอนจบของหนังในปี 1974 หลังจากที่ซัลลี (มาริลิน เบิร์นส์) วิ่งหนี “เลทเธอร์เฟซ” ที่ถือเลื่อยไฟฟ้า ไล่ฆ่าเธออย่างเอาเป็นเอาตาย โชคดีที่มีรถกระบะผ่านมาพอดี เธอจึงโบกรถร้องขอความช่วยเหลือ โชคดีที่เธอรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิดและทิ้งฆาตกรมือเลื่อยคลุ้มคลั่งอยู่ที่ถนนเบื้องหลัง

Texas Chainsaw Massacre เวอร์ชั่นปี 2022

แม้ว่าก่อนหน้าหนังเวอร์ชั่นปี 2022 จะมีการสร้างภาคต่ออกมาหลายภาคก็ตาม บางภาคเล่าต่อ บางภาคเล่าเรื่องราวปฐมบท หรือบางภาคก็เลือกจะตีความตัวละคร “ฆาตกร” ซะใหม่ก็ตามที แต่ Texas Chainsaw Massacre คงต้องอยู่ในหมวดหมู่ “ภาคต่อกึ่งรีบูต” หรือนิยามว่าเป็น “รีเควล” ตามแบบฉบับหนัง Scream ได้นิยามไว้ นั่นก็คือเอาตัวละครจากภาคต้นฉบับที่เป็นตำนานกลับมา และใส่ตัวละครใหม่ๆเข้าไป แต่ต้องไม่ทิ้ง “หัวใจ” ของแฟรนไชส์ดั้งเดิมด้วยเช่นกัน

Texas Chainsaw Massacre ในเวอร์ชั่นของ Netflix นั้นเป็นผลงานการกำกับของ เดวิด บลู การ์เซีย ซึ่งเขาตั้งใจจะเล่าเรื่องราวต่อจากปี 1974 โดยทิ้งระยะเวลาห่างกับหนังภาคแรกเป็นเวลาประมาณ 48 ปีด้วยกัน ครั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นในห้วงเวลาปัจจุบัน เมื่อบรรดาวัยรุ่นยุคโซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์จากเมืองใหญ่ได้เดินทางมายังชนบทเมืองร้างในเท็กซัส เพื่อรีโนเวทพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นชุมชนคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะสร้างอนาคตไปด้วยกัน

แน่นอนว่าบรรดาวัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่รู้เลยว่า เมืองนี้ไม่ได้ร้างอย่างที่คิด เมื่อสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ายังมีจินนี่ หญิงชราที่อ้างตัวว่า บ้านที่เธออาศัยอยู่นั้นยังไมได้ขายให้ใคร ระหว่างที่เกิดการปะทะคารมระหว่างหญิงชราและเมโลดี้ (ซาร่าห์ ยาร์กินส์) ส่งผลให้หญิงชราเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ ทำให้ชายร่างยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด (และคนดูคงจะคาดเดาได้ไม่ยากว่า ชายคนนี้น่าจะกลายเป็น“เลทเธอร์เฟซ” ในเวลาต่อมา) และพยายามช่วยเธอ ระหว่างเหตุการณ์ชุลมุน ดันเต้ (เจค็อบ ลาติมอร์) เพื่อนเชฟคนสนิทของเมโลดี้ผู้โด่งดังบนโลกออนไลน์ จึงพยายามเรียกตำรวจให้เข้ามาช่วยนำคุณยายไปส่งโรงพยาบาล เมื่อเห็นท่าไม่ดี รูธ (เนล ฮัดสัน) จึงขอติดรถไปด้วยเพื่อคอยรายงานอาการของหญิงชราให้กับดันเต้และเมโลดี้ ที่ต้องคอยรับแขกอินฟลูเอนเซอร์ที่กำลังเดินทางมายังเมืองร้างแห่งนี้เพื่อประมูลพื้นที่

แน่นอนว่าอีกไม่นานเหตุการณ์นองเลือดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่หญิงชราได้สิ้นลมหายใจ และชายร่างยักษ์ (มาร์ก เบิร์นแฮม) ที่หวงแหนยิ่งชราราวกับแม่แท้ๆ ทำให้เขาเกิดความโกรธ โมโห และคลั่งจนถึงขนาดถลกหนังหน้าของหญิงชราเอามาเป็นหน้ากากสวมเอาไว้ที่หน้าของตัวเอง!

 

ความรุนแรงมีอยู่ในทุกพื้นที่

ความน่าสนใจของ Texas Chainsaw Massacre อาจจะไม่ได้อยู่ที่ฉากไล่ฆ่า หรือ ความพยายามที่จะเอาตัวละครอย่างแซลลี่ (รับบทโดยโอลเว็น ฟูเอเร เพราะแมริลีน เบิร์น นั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2014) กลับมาในคราบสาวนักบู๊แบบลอรี่ สโตรคใน Halloween ก็ตาม)  

ประเด็นเรื่องความรุนแรงที่ถูกกล่าวถึงในตอนต้นเรื่องนั้น เราจะได้เห็นอาการ PTSD ของตัวละครไลลา (เอลซี ฟิชเชอร์) หลังจากที่เธอเคยตกเป็นเหยื่อเหตุการณ์ถูกคนร้ายกราดยิงในโรงเรียน ดูเหมือนว่าบรรดาเพื่อนๆของเธอจะตายหมด มีแค่เพียงไลลารอดชีวิตออกมาเพียงคนเดียว

ขณะที่พี่สาวของเธออย่างเมโลดี้และดันเต้ พยายามจะหนีออกมาจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความรุนแรงซึ่งคุกคามพวกเขาแบบเงียบๆไม่ว่าจะเป็นทางโลกออนไลน์หรือชีวิตจริงก็ตาม ภาพความฝันของพวกเขาคือการมาสร้างเมืองใหม่ที่ไกลห่างจากความรุนแรง สร้างโลกใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นกับคนรุ่นใหม่ด้วยกัน โดยที่พวกเขาหลงลืมไปว่าความรุนแรงนั้น อาจจะหลบซ่อนอยู่ใต้เงามืดอยู่เช่นกัน

เหตุการณ์นี้ยิ่งชัดเจนเมื่อพวกเขาเห็น “ธงสมาพันธรัฐ” ห้อยอยู่ที่ตึกหน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า (และแน่นอนว่ามันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสยองทั้งปวง) ซึ่งธงนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการเหยียดเชื้อชาติ ภายหลังจากเหตุการณ์กราดยิงคนดำในโบสถ์อเมริกาปี 2015 ลามเลยมาถึงเหตุการณ์ในปี 2020 หลังจากจอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตจนเกิด #BlackLivesMatter ธงสมาพันธรัฐได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในเชิงลบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ธงดังกล่าวมีความเป็นมาที่ยาวนานและมีเรื่องราวในตัวเอง

ความพยายามในการปลดธงลงของดันเต้ กับหญิงชราที่พูดคำว่า “นิโกร” ใส่หน้าของดันเต้ (ซึ่งเป็นตัวละครผิวสี) กลายเป็นชนวนของความขัดแย้งทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่อง การปะทะกันทางอุดมการณ์ คารมของสองฝ่ายได้เปิดประตูให้อสูรกายอย่าง “เลทเธอร์เฟซ” ตื่นขึ้นจากการจำศีลอีกครั้ง หลังจากที่มันหลบซ่อนตัวอยู่เงียบๆมาเกือบ 50 ปี

บางที Texas Chainsaw Massacre อาจจะมีความตั้งใจใส่ประเด็นทางการเมืองเข้าไปเป็นบริบทรองที่เปรียบเปรยได้เท่ากับความรุนแรงที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและรอวันปรากฏตัวขึ้นอยู่เสมอก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า ประเด็นดังกล่าวดูเหมือนจะจางหายไประหว่างทาง เมื่อศพรายแรกเริ่มปรากฏขึ้นบนจอและเมื่อทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของหนังไล่เชือด ความเข้มข้นเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งด้านผิวสี ชาติพรรณ ก็จางหายไปและแทนที่ด้วยเลือดปลอมและเศษอวัยวะที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้น!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook