โซนี่ ร่วมวง ดิสนีย์-วอร์เนอร์ ระงับฉายภาพยนตร์ในรัสเซีย ต้านรุกรานยูเครน

โซนี่ ร่วมวง ดิสนีย์-วอร์เนอร์ ระงับฉายภาพยนตร์ในรัสเซีย ต้านรุกรานยูเครน

โซนี่ ร่วมวง ดิสนีย์-วอร์เนอร์ ระงับฉายภาพยนตร์ในรัสเซีย ต้านรุกรานยูเครน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกาศเมื่อวันอังคาร (1 มี.ค.) ว่าจะระงับการนำภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของรัสเซีย เพื่อตอบโต้การรุกรานประเทศยูเครนของกองทัพรัสเวีย

"เมื่อมองจากปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในยูเครน และผลจากความไม่แน่นอนและวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ยังไม่คลี่คลายในภูมิภาคนี้ เราจะระงับแผนการจัดจำหน่ายภาพยนตร์สำหรับโรงหนังในรัสเซีย รวมถึงเรื่องมอร์เบียส ด้วย" โฆษกของโซนี่ พิกเจอร์ส ระบุ

"ขอส่งใจและจิตอธิษฐานให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และหวังว่าวิกฤตนี้จะพบทางออกโดยเร็ว"

ภาพยนตร์เรื่องมอร์เบียสมีกำหนดฉายเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นี้ โดยมีแจเรต เลโต นักแสดงและนักดนตรีชาวสหรัฐวัย 50 ปี รับบทนำ

การประกาศของโซนี่ พิคเจอร์ส มีขึ้นหลังจากผู้ผลิตภาพยนตร์ชื่อดังอีก 2 รายตัดสินใจระงับการนำภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในรัสเซียไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ ดิสนีย์ และวอร์เนอร์ บราเธอร์ส

ดิสนีย์ระบุเมื่อวันจันทร์ (28 ก.พ.) ว่าการรุกรานยูเครนโดยทหารรัสเซียนั้นเป็นการกระทำที่ไร้สาเหตุ ทั้งยังก่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมด้วย

ขณะนี้ดิสนีย์มีกำหนดฉายภาพยนตร์ 3 เรื่องในรัสเซีย คือ เทอร์นิง เรด ในวันที่ 10 มี.ค., ดอกเตอร์ สเตรนจ์ อิน เดอะ มัลติเวิร์ส ออฟ แมดเนสส์ วันที่ 5 พ.ค. และ เดอะ บ็อบส์ เบอร์เกอร์ส มูฟวี่ วันที่ 26 พ.ค.

ด้าน วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เผยเมื่อช่วงดึกของวันเดียวกัน ตามเวลาท้องถิ่นว่า จะระงับการฉายภาพยนตร์เรื่อง เดอะ แบตแมน ในรัสเซีย ที่มีกำหนดฉายในปลายสัปดาห์นี้ แม้คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดเรื่องหนึ่งและบริษัททุ่มงบประมาณในการทำการตลาดเรื่องนี้ในรัสเซียไปมากแล้วก็ตาม

นายโอเลก เบเรซิน ที่ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมเจ้าของโรงภาพยนตร์สหพันธรัฐรัสเซียจนถึงวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) เผยว่า เดอะ แบตแมน ขายบัตรเข้าชมล่วงหน้าไปแล้วคิดเป็นมูลค่าราว 200,000 ดอลลาร์ (6.5 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม ตลาดภาพยนตร์รัสเซียถือทำรายได้ไม่สูงนักในปี 2564 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 โดยมูลค่าการขายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ในรัสเซียอยู่ที่เพียง 340 ล้านดอลลาร์ (11,096 ล้านบาท) เท่านั้น ต่างจากสหรัฐที่สูงถึง 4,500 ล้านดอลลาร์ (146,871 ล้านบาท) ในปีเดียวกัน

Story: Komkrit Duangmanee

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook