The Batman อีกครั้งกับการรีบูทจักรวาล "นักสืบแห่งรัตติกาล"
นี่คือการกลับมาของหนังเดี่ยวของซูเปอร์ฮีโร่อย่าง “แบทแมน” ครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี หลังจากที่ The Dark Knight Rises ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ในปี 2012 ได้ขึ้นจอใหญ่ไป และการกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาเอาซะเลย
หลังจากความล้มเหลวของ Justice League (เวอร์ชั่นปี 2017) จนส่งผลให้จักรวาล DC เกิดความยุ่งเหยิงและชวนงุนงงไปหมดหลังจากนั้น ความพยายามที่จะดันหนังเดี่ยวของแบทแมน ด้วยการที่นักแสดงนำอย่างเบน แอฟเฟล็ก ผู้รับบทยอดมนุษย์ค้างคาวในจักรวาล DC พยายามจะผลักดันหนังภาคแยกอย่าง The Batman ด้วยการควบตำแหน่งทั้งเป็นผู้เขียนบท กำกับและอำนวยการสร้าง รวมไปถึงแสดงนำ แต่ท้ายที่สุดแล้วด้วย “ปัญหาบางอย่าง” เบนได้ตัดสินใจบอกลาโปรเจ็กต์นี้ไป
โดยในเวอร์ชั่นของเบนนั้น เขาได้วางให้ตัวละครวายร้ายอย่างเดธสโตรก ไว้เป็นคู่อริคนสำคัญในหนังเดี่ยว The Batman (โดยตัวละครนี้ได้ปรากฏตัวอยู่ในเอนเครดิตของหนัง Justice League) แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวนี้ไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้น
เมื่อประตูบานเก่าปิดลง ประตูบานใหม่จึงได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อแมตต์ รีฟส์ได้ก้าวเข้ามารับช่วงต่อ ในการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ โดยการเล่าเรื่องราวของมนุษย์ค้างคาวในครั้งนี้จะไม่เหมือนกับหนังในเวอร์ชั่นก่อนๆที่ผู้ชมเคยผ่านตามา เมื่อหนังเลือกจะเล่าตัวละครแบทแมนในมุมมองของการเป็น “นักสืบ” มากกว่าเป็น “ยอดมนุษย์”
2 ปีแรกของการอยู่ภายใต้หน้ากาก
หลังจากที่บรูซ เวย์น (โรเบิร์ต แพททินสัน)ได้สวมหน้ากากและชุดมนุษย์ค้างคาวออกไปเผชิญหน้ากับเหล่าร้ายตามท้องถนน เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่ดูเหมือนว่าเขาเองจะเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีที่พยายามเก็บตัว ไม่อยากจะออกสังคมสักเท่าไหร่ ประกอบกับคนสนิทใกล้ตัวที่มีเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคืออัลเฟรด (แอนดี้ เซอร์คิส) คนรับใช้ประจำตระกูล และเจมส์ กอร์ดอน (เจฟฟรีย์ ไรท์) นายตำรวจแผนกอาชญากรรมประจำเมืองก็อตแธม
วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมกับบุคคลในระดับผู้บริหาร นั่นคือนายกเทศมนตรีประจำเมืองก็อตแธม โดยฆาตกรได้ทิ้งปริศนาบางอย่างเอาไว้เป็นจดหมายที่ส่งตรงไปถึงแบทแมน ในวินาทีนั้นเองแบทแมนเริ่มสัมผัสได้ว่าเหตุการณ์เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะมีเหยื่อรายต่อไปในอีกไม่ช้า
แบทแมนจึงพยายามจะแกะรอยปริศนาที่ฆาตกรซึ่งอ้างชื่อว่าตัวเองคือ “เดอะ ริดเลอร์” (พอล ดาโน่) ทิ้งเอาไว้ ทำให้เขาถูกชักนำเข้าสู่มุมมืดของเมืองก็อตแธม จนได้พบกับคนมากหน้าหลายตาที่ล้วนแล้วแต่มีความลับดำมืดซุกซ่อนเอาไว้เบื้องหลัง และเพื่อกระชากหน้ากากของผู้กระทำผิด แบทแมนจึงต้องนำความยุติธรรมกลับคืนมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
ห้วงเวลาแห่งความเป็นหนุ่ม
บรูซ เวย์นในเวอร์ชั่นที่เราได้เห็นว่าจากหนังในฉบับก่อนหน้านี้ เขาจะอยู่ในช่วงวัยผู้ใหญ่ผ่านโลกมาแล้วอย่างโชกโชน แต่ในเวอร์ชั่นนี้ การได้นักแสดงอย่างโรเบิร์ต แพททินสัน มาสวมบทบาท ทำให้ทุกอย่างสอดคล้องไปกับบทที่ต้องการจะนำเสนอห้วงเวลาที่ตัวละครนี้เพิ่งจะตัดสินใจก้าวเข้ามาเป็นแบทแมน เขายังเป็นหนุ่มที่ยังอ่อนไหวกับเรื่องราวรอบตัว ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการที่แบทแมนได้เริ่มต้นจากเป็นนักสืบ
การก้าวเข้ามารับบทเป็นบรูซ เวย์น โรเบิร์ต แพททินสันเล่าว่า “สำหรับผมแล้ว ไม่เคยสนใจที่จะแสดงหนังซูเปอร์ฮีโร่มาก่อน เพราะเขาคิดว่ามันไม่ใช่ทางของตัวเอง แต่ด้วยแบทแมนนั้นมีความสามารถพิเศษ นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอก ในแง่ของศิลปะแล้วตัวละครนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีจุดเด่นหลายอย่างให้เข้าไปสำรวจ”
โรเบิร์ต แพททินสัน เองตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับแมตต์ รีฟส์เพราะหลังจากที่ตัวเขาได้เห็นสตอรี่บอร์ดในหนัง เขารู้ได้ทันทีว่าหนังในเวอร์ชั่นนี้จะมีกลิ่นอายที่แตกต่างออกไป และบรูซ เวย์นใน The Batman ฉบับนี้ได้กลายเป็นคนที่ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างมากกว่าในทุกเวอร์ชั่นที่เราเคยดูมา
ก็อตแธมซิตี้เมืองแห่งความน่ากลัว
เรื่องราวของแบทแมนในคอมมิคนั้นมีความเป็นมายาวนานกว่า 80 มีตัวละครมากมายทั้งวายร้ายและผู้อยู่ในด้านสว่าง แต่สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กับตัวละครเลยนั่นก็คือฉากหลังอย่างเมือง “ก็อตแธม” เมืองที่เอื้อให้สร้างเรื่องราวสะเทือนขวัญมากมาย
เมืองก็อตแธมในหนังฉบับนี้จะมีชีวิตชีวา และยังเหลือสภาพความเสื่อมโทรมให้เห็นอยู่ทั่วทุกหัวมุมถนน หนังจึงปรากฏฉากอาทิ แบทแมนกำลังยืนอยู่บนตึกระฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จ สถานีรถไฟใต้ดินที่ดูเสื่อมโทรม ซึ่งจะว่าไปแล้วหนังก็แทบจะกลายเป็นการจำลองภาพมหานครนิวยอร์กเอามาไว้ในหนังแทนด้วยซ้ำไป
ทำไมตัวร้ายใน The Batman ต้องเป็น “เดอะ ริดเลอร์”
การที่แบทแมนต้องออกโรงมาจัดการกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเมืองก็อตแธมนั้น คือการสะท้อนว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม ปัญหาสังคมและทำให้อาชญากรผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด และเมื่อแบทแมนจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการสืบคดี ทำให้ตัวละครอย่างเดอะ ริดเลอร์ถูกหยิบเอามาตีความใหม่ในฐานะของ “ฆาตกรต่อเนื่อง” ที่เลือกเหยื่อเป็นบรรดาบุคคลสำคัญในสังคมก็อตแธม รวมไปถึงเขาได้กลายเป็นคนที่ทำให้อาชญากรรายอื่นๆในเมืองก็อตแธมลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง
The Batman เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้