โกยเงินถล่มทลายทั่วโลก The Batman ผงาด ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่ง
The Batman กลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกในปี 2022 ที่เปิดตัวแรงถล่มทลาย หลังจากที่ปลายปีที่แล้ว Spider-Man: No Way Home ครองแชมป์หนังทำเงินสูงสุดในรอบปี 2021
หลังจากที่ The Batman เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลงานการกำกับของแมตต์ รีฟส์ เรื่องนี้ ทำเงินเปิดตัวในอเมริกาในวันศุกร์ที่ผ่านมาไปด้วยรายได้ 57 ล้านเหรียญฯ ดังนั้นจึงคาดการณ์กันว่าเมื่อผ่านพ้นสุดสัปดาห์นี้หนังน่าจะทำเงินไปที่ราวๆ 120-130 ล้านเหรียญฯ และรายได้ของตลาดนอกประเทศนั้นกำลังจะมีรายงานเข้ามาเพิ่มเติม โดยจากรายงานของ Deadline นั้น ประเมินกันว่าช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาใน 74 ประเทศทั่วโลกนั้นหนังทำเงินรวมกันไปที่ประมาณ 54 ล้านเหรียญฯ ด้วยกันและคาดว่าเมื่อพ้นสุดสัปดาห์นี้หนังน่าจะโกยเงินรวมๆ 110 ล้านเหรียญฯ ในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามในตลาดต่างประเทศนั้น ในบางประเทศอย่างเช่น เกาหลีใต้ หนังเข้าฉายตั้งแต่วันอังคารก่อน โดยหนังสามารถทำรายได้ไปถึง 26 ล้านเหรียญ กับการเข้าฉายทั้งหมด 30,218 จอ และนอกจากนี้ในเกาหลี หนังยังทำเงินอีกไปประมาณ 3.52 ล้านเหรียญฯ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนเราอาจจะกล่าวได้ว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่ไวรัสโอมิครอนยังคงระบาดกันอย่างต่อเนื่องในแดนกิมจินั้น การทำเงินในระดับนี้ถือว่าเป็นจำนวนรายได้ที่สูงมากทีเดียว
สำหรับอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจ คือประเทศอังกฤษ (ซึ่ง The Batman ภาคนี้ถ่ายทำกันในอังกฤษเป็นหลัก) หนังเปิดตัวทำรายได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วยรายได้ 6.4 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวสูงสุดอันดับที่ 2 ในยุคสมัยไวรัสระบาด และด้วยรายได้ในระดับนี้ถือว่าหนังเรื่องนี้ทำเงินตามหลัง Joker, The Dark Knight และเรื่องล่าสุดอย่าง Dune ด้วย (โดยในอังกฤษนั้นหนังอย่าง Dune ได้เข้าโรงภาพยนตร์พร้อมๆกับฉายทางสตรีมมิ่ง HBO Max ในวันเดียวกัน ส่งผลให้รายได้เปิดตัวมีจำนวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง)
ในประเทศสเปนหนังก็จัดได้ว่าเปิดตัววันแรกด้วยรายได้ 1.2 ล้านเหรียญฯ กับจำนวน 1,103 จอ และถือได้ว่าเป็นหนังเปิดตัวแรงมากเป็นอันดับ 2 ในยุคสมัยไวรัสระบาด นอกจากนี้ในประเทศอื่นๆที่ The Batman เปิดตัวแรงก็ได้แก่ เม็กซิโกด้วยรายได้ 5.2 ล้านเหรียญฯ 4.6 ล้านเหรียญฯในบราซิล 4.4 ล้านเหรียญฯ ในฝรั่งเศส และ 4 ล้านเหรียญฯในออสเตรเลีย
โดยช่วงเวลาที่ไวรัสยังคงระบาดในทุกประเทศ การเปิดตัวด้วยตัวเลขเหล่านี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการทำเงินของหนัง เฉกเช่นที่มันเคยเกิดขึ้นกับหนังอย่าง Spider-Man: No Way Home และ No Time to Die ซึ่งยังเป็นการการันตีได้ว่าบรรดาผู้ชมทั่วโลกนั้น ยังมองว่าการออกมาชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์นั้นถือเป็นการเสพประสบการณ์บนจอใหญ่ มากกว่าจะรับชมทางสตรีมมิ่ง ประกอบกับการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดของหนัง รวมไปถึงคำวิจารณ์และเสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างค่อนข้างเอกฉันท์จึงกลายเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยทำให้หนังประสบความสำเร็จด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้การรับชมหนังอย่าง The Batman นั้นถือเป็นประสบการณ์ที่มีความพิเศษ เฉพาะเจาะจง เพราะตัวหนังมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง และออกแบบมาเหมือนกับนวนิยายอาชญากรรมสืบสวนสอบสวน และความยาวของภาพยนตร์ในเวอร์ชั่นนี้ ได้เตือนใจให้เรานึกถึงหนังอย่าง The Dark Knight ในปี 2008 ที่มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที และได้กรุยทางให้หนังซูเปอร์ฮีโร่ยุคหลังมีความยาวมากขึ้นเรื่อยๆ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีจริงๆหรือเปล่าเหมือนกันนะ)
สำหรับ The Batman ในเวอร์ชั่นการสวมบทบาทของโรเบิร์ต แพททินสันนั้น คงต้องบอกว่าด้วยคะแนนเฉลี่ยจากบรรดานักวิจารณ์ในเว็บไซต์อย่าง Metacritic อยู่ที่ประมาณ 73% และทางฝั่งผู้ชมอยู่ที่ประมาณ 8.7 ซึ่งถือได้ว่าเป็นคะแนนที่สูงพอๆกับ The Dark Knight ของคริสโตเฟอร์ โนแลนด์เคยทำเอาไว้เลยทีเดียว
หากย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนังที่มีตัวละครแบทแมนปรากฏตัวอยู่ในเรื่องประกอบไปด้วย Batman v Superman: Dawn of Justice (2016) โดยหนังสามารถทำเงินในตลาดอเมริกาอยู่ที่ 330 ล้านเหรียญฯ และทำรายได้ในตลาดต่างประเทศ 543 ล้านเหรียญฯ ทำให้มีรายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 873 ล้านเหรียญฯ ส่วน Justice League (2017) หนังสามารถทำเงินในตลาดอเมริกาอยู่ที่ 229 ล้านเหรียญฯ และทำรายได้ในตลาดต่างประเทศ 428 ล้านเหรียญฯ ทำให้มีรายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 657 ล้านเหรียญฯ
** อัพเดทรายได้ล่าสุด (7 มีนาคม 2565) The Batman ทำเงินไปแล้วทั่วโลกที่ 248.5 ล้านเหรียญฯ กลายเป็นหนังเปิดตัวที่ทำเงินเยอะที่สุดของค่ายวอร์เนอร์ นับตั้งแต่ Joker ในปี 2019 **
เราคงจะต้องมาติดตามกันต่อว่าเมื่อสิ้นสุดการฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว The Batman ในฉบับล่าสุดนี้จะทำรายได้ไปเท่าไหร่ จะสามารถทำเงินเกินหลักพันล้านเหรียญฯ แบบที่ Spider-Man: No Way Home ทำเอาไว้หรือเปล่า