รีวิว The Desperate Hour วิ่งค่ะหญิง หญิงต้องวิ่ง

รีวิว The Desperate Hour วิ่งค่ะหญิง หญิงต้องวิ่ง

รีวิว The Desperate Hour วิ่งค่ะหญิง หญิงต้องวิ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หัวอกของคนเป็นแม่ต้องเกิดอาการ “เครียด” และ “วิตกกังวล” ขั้นสุด เมื่อเธอค้นพบว่าโรงเรียนของลูกชายนั้นเกิดเหตุการณ์กราดยิงขึ้น แต่เธอจะแก้สถานการณ์อย่างไรเมื่อตัวเองนั้นอยู่กลางป่าลึก!

มันอาจจะเป็นแค่เพียงเช้าวันธรรมดาสำหรับเอมี่ คาร์ (นาโอมิ วัตส์) คุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกสาวและลูกชายที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาวัยรุ่น หลังจากที่ส่งลูกสาวขึ้นรถโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อย เอมี่พบว่าลูกชายอย่างโนอาห์ (โคลตัน ก็อบโบ) นอนซมอยู่ในห้องนอนของตัวเอง เมื่อลูกชายที่หมกตัวอยู่ในห้องยืนกรานว่าวันนี้เขาจะไม่ไปโรงเรียนและนอนอยู่บ้าน เอมี่จึงปล่อยเขาไว้ที่บ้านและออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อออกกำลังกายในยามเช้า

หลังจากที่ออกวิ่งไปได้สักระยะ เธอและโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่เอาไว้ทั้งเพลงและเอาไว้รับสายเข้าจากบรรดาเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง เอมี่ได้วิ่งเข้าสู่ป่าลึก วิวทิวทัศน์ และน้ำตก ทำให้เธอหวนย้อนกลับไปถึงวันเก่าๆ วันที่ครอบครัวของเธอยังคงพร้อมหน้าพร้อมตา แต่นั่นก็เป็นอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อหัวหน้าครอบครัวอย่างผู้เป็นพ่อได้จากลาโลกนี้ไปเมื่อไม่นานมานี้และปล่อยให้ลูกชายของเธออย่างโนอาห์จมอยู่กับความเศร้า

ไม่นานมีข้อความเตือนเหตุการณ์ฉุกเฉิน ได้แจ้งเข้ามาในโทรศัพท์ของเอมี่ว่า “นี่คือข้อความแจ้งจากนายอำเภอ ว่าโรงเรียนเลควูดนั้นถูกล็อคดาวน์โดยตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนกำลังสืบหาสาเหตุอยู่ ขอให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในโรงเรียนนี้อยู่ในความสงบ เจ้าหน้าที่กำลังเข้าปฏิบัติการ” แน่นอนว่าหัวอกคนเป็นแม่อย่างเอมี่ต้องเกิดอาการตื่นตระหนกตกใจและพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเธอหรือเปล่า ปัญหาเดียวตอนนี้คือการที่เธอต้องวิ่งออกจากป่าและไปยังโรงเรียนของลูกชาย ทว่าด้วยระยะทางที่ห่างไกลกว่าหลายสิบไมล์ ทำให้เธอร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก

ตลอดทั้งเรื่องของ The Desperate Hour ดำเนินเหตุการณ์ผ่านตัวละครของเอมี่และโทรศัพท์ของเธอเท่านั้น ดังนั้นคนดูจึงมืดแปดด้านพอๆกับเอมี่ แต่สิ่งหนึ่งที่คนดูได้รับรู้เพิ่มเติมคือบรรดาห้วงคำนึงและความทรงจำของเอมี่เอง ว่าในฐานะของคนเป็นแม่ และกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวในตอนนี้ เธอต้องแบกรับภาระอะไรบ้าง ท่ามกลางความเป็นห่วงของคนเป็นแม่ มีอยู่ห้วงเวลาหนึ่งที่เธอเผลอคิดไปด้วยซ้ำว่า บางทีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมนั้น จริงๆแล้วอาจจะเป็นฝีมือของลูกชายตัวเองด้วยซ้ำไป

ตัวหนังเล่นสนุกอยู่กับความ “ไม่รู้” ของตัวเอกที่ ไม่มีข้อมูล ไม่รู้เรื่องราว และความห่างไกลจากพื้นที่เกิดเหตุ สิ่งที่เธอรับรู้จึงมีแค่เพียงข้อมูลจากปลายสายโทรศัพท์ การปะติดปะต่อเรื่องราวจากคนนั้นหน่อย คนนี้นิด ซึ่งมันได้สะท้อนความจริงที่ว่า “ความไม่รู้อะไรเลย” ก็ถือเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งเช่นกัน

The Desperate ถือเป็นหนังที่พยายามจะขายการแสดงของนาโอมิ วัตส์แบบเต็มๆ แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์ระหว่างทางอาจจะไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือลุ้นระทึกอะไรมากมาย โชคดีที่หนังมีความยาวแค่เพียงราวๆ 84 นาทีเท่านั้น เรียกว่ายังไม่ทันเบื่อหรือง่วงผล็อยหลับ หนังก็จบพอดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook