[เปิด Disney+ มารีวิว] Turning Red เขินแรงเป็นแพนด้า หนูเป็นสาวแล้วค่ะ!
แอนิเมชั่นจากพิกซาร์อีกเรื่อง ที่โดนจับส่งตรงลงทางสตรีมมิ่ง Disney+ หลังจากที่ปีก่อน Luca ก็กลายเป็นแอนิเมชั่นที่ไม่ได้เข้าโรงภาพยนตร์ ทว่าคุณภาพของ Turning Red นั้นจัดได้ว่าเป็นผลงานที่มีอะไรมากกว่าแค่ “ความน่ารัก” ให้ผู้ชมได้ลองไปสัมผัสกัน
เม่ย หลิน (พากย์เสียงโดยโรซาลี เจียง) เด็กสาววัยทวีนที่กำลังจะกลายเป็นสาวในอีกไม่นาน เธอและเพื่อนสนิทชอบทำกิจกรรมด้วยกันตามประสาเด็กสาว หนึ่งในนั้นคือการเป็นติ่งตามกรี๊ดวงบอยแบนด์สุดคูลอย่าง 4Town นอกจากนี้ตัวเม่ย หลินเองยังแอบปลื้มหนุ่มหล่อที่เป็นลูกจ้างอยู่ในร้านขายของชำ จนเธอเก็บเอาเขามามโนวาดรูปการ์ตูนสุดแซ่บในไดอารี่ลับๆของตัวเอง แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อแม่ของเธอ (พากย์เสียงโดยซานดร้า โอ)พบกับไดอารี่ดังกล่าว จนเรื่องราวบานปลายใหญ่โต เพราะแม่เธอดันเข้าใจผิดว่าหนุ่มเจ้ากรรมทำมิดีมิร้ายลูกสาวตัวเอง
อิแบบนี้แล้วเม่ย หลินก็เกิดอาการหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ด้วยอาการทั้งอาย ทั้งเขิน ทั้งโกรธอารมณ์ปนแปกันไปหมด ทำให้คืนนั้นเธอหลับฝันร้ายถึงเทพเจ้าแพนด้า ปรากฏว่าเช้าวันถัดมา เม่ย หลินกลายร่างไปเป็นหมีแพนด้าตัวสีแดงแปร้ด สิ่งที่เธอพยายามจะทำเพื่อให้กลับร่างไปเป็นเด็กหญิงแบบเดิมคือการทำใจให้ร่มๆสงบนิ่ง แต่ดูเหมือนทุกครั้งที่เม่ยหลิน ตื่นเต้น เขิน หรือกระวนกระวายใจจะทำให้เธอกลายร่างอยู่เสมอ
หลังจากที่เม่ยหลินไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จนระเบิดอารมณ์กลางห้องเรียนและกลายเป็นหมีแพนด้า แม่ของเธอพยายามปลอบประโลมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเม่ย หลินนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นคำสาปประจำตระกูล ที่ลูกสาวทุกคนจะมีพลังด้านมืดในการกลายร่างเป็นหมีแพนด้าในช่วงเวลาที่พวกเธอจะก้าวพ้นวัยของตัวเอง โดยพิธีกรรมในการแยกร่างของปีศาจแพนด้าออกจากตัวนั้น จะต้องทำก่อนวันพระจันทร์สีเลือดขึ้นเต็มดวง ไม่เช่นนั้นเม่ย หลินจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับร่างแพนด้าเช่นนี้ตลอดไป ในทุกครั้งที่เธอตื่นเต้น!
ประเด็นสำคัญของ Turning Red คือความพยายามจะบอกเล่าช่วงเวลาในการยอมรับ ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเด็กสาว ในช่วงเวลาที่พวกเธอกำลังจะก้าวผ่านจากเด็กหญิงเข้าสู่วัยรุ่นและกลายเป็นสาวอย่างเต็มตัว จริงอยู่ที่หนังอาจจะพูดอ้อมๆในเชิงที่ว่า แม่ของเธอพยายามจะยื่น “ผ้าอนามัย” ให้กับเม่ย หลิง คล้ายกับการเปรียบเปรยเรื่องกลายร่างเป็นแพนด้า ในยามที่เธอเขินชายหนุ่มนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากสภาวะการก้าวย่างเข้าสู่วัยรุ่นนั่นเอง
สิ่งที่หนังทำได้อย่างน่ารักน่าชัง และบรรดาคนในเจนเนอเรชั่น Y จะต้องกรี๊ด ก็คือฉากหลังของเรื่องที่ย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 2000s ที่ “ซีดีเพลง” ยังเป็นสิ่งที่วัยรุ่นในยุคนั้นเสพย์ผลงานของศิลปิน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคดังกล่าว ก็เป็นยุคทองของบรรดาวงบอยแบนด์ทั้งฝั่ง US และ UK ที่ความฝันอันสูงสุดของเด็กสาววัยทีน คือการซื้อบัตรคอนเสิร์ตและตามไปกรี๊ดศิลปินในดวงใจถึงขอบเวที! ขนาดที่เม่ย หลิงทะเลาะกับแม่และปรี๊ดแตกว่า “หนูจะไปดูคอนเสิร์ต พิธีกรรมอะไรก็ช่างมันเถอะค่ะ” ฉากนี้แหละที่สะท้อนความเป็นวัยรุ่นและ “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ใครเคยมีโมเมนต์แบบนี้คงเข้าใจว่ามันจะอยู่ในความทรงจำของเราแบบไม่รู้ลืมไปตลอดกาล!
แม่เข้าใจหนูด้วย หนูเป็นสาวแล้วค่ะ!