เทอมสอง สยองขวัญ "ผี" กับระบอบในมหาวิทยาลัย

เทอมสอง สยองขวัญ "ผี" กับระบอบในมหาวิทยาลัย

เทอมสอง สยองขวัญ "ผี" กับระบอบในมหาวิทยาลัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นเดือนแห่งหนังผีไทยจริงๆ สำหรับเดือนมีนาคม พ.ศ.2565 โดยในสัปดาห์นี้ “เทอมสอง สยองขวัญ” กลายเป็นหนังทำเงินประจำสัปดาห์ ได้รับความสนใจจากเหล่าวัยรุ่นแบบอุ่นหนาฝาคั่ง ซึ่งภายใต้ความน่ากลัวของ “ผี” หนังไทยเรื่องนี้แทรกสอดประเด็นเรื่องใน “รั้วมหาวิทยาลัย” เอาไว้อย่างน่าสนใจไม่น้อย

บทความนี้มีการเปิดเผยเรื่องราวในภาพยนตร์ ไม่เหมาะสำหรับคนยังไม่ได้รับชม

 

ถึงแม้เทอมสอง สยองขวัญจะประกอบไปด้วยหนังสั้นจำนวน 3 เรื่องที่แยกออกจากกันอย่างเป็นเอกเทศ ไม่มีความเกี่ยวโยงกันระหว่างเรื่องแต่ถึงอย่างนั้นธีมที่หนังเกาะเกี่ยวกันอย่างแน่นแฟ้น คือเรื่อง “ระบบ” บางอย่างที่ฝังตัวอยู่กับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาอย่างช้านาน

“เชียร์ปีสุดท้าย” ตอนเปิดเรื่องราวที่ผู้เขียนเองก็ชอบที่สุดในบรรดาหนังทั้งสามเรื่อง เมื่อหนังบอกเล่าประเพณีการเข้าห้องเชียร์ของคณะสถาปัตยกรรมรุ่นที่ 37 โดยโฟกัสไปที่ เมษา (มิวสิค BNK48) และต่าย (แคร์ ปาณิสรา) รุ่นน้องปี 1 ประจำคณะที่ต้องเข้าร่วมพิธีกรรมดังกล่าวตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่แล้วเมื่อเมษาได้มองเห็น “สิ่งลึกลับ” ในห้องเชียร์ส่งผลให้เกิดบรรยากาศบางอย่างที่สั่นประสาทเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆท่ามกลางสายตาการตั้งคำถามของรุ่นพี่ปีสองและรุ่นพี่บัณฑิตที่มาคอยดูกิจกรรมครั้งนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แม้หนังในตอนนี้จะดำเนินเรื่องราวภายใต้สถานที่เพียงไม่กี่พื้นที่ อาทิดาดฟ้าตึกของคณะ ห้องเชียร์บริเวณใต้ถุนคณะ และพื้นที่รอบตัวตึก แต่หนังสามารถสะท้อนภาพของ “ระบบโซตัส” ที่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายคนคงมีโอกาสได้เคยสัมผัสเองมากับตัว

ปรากฏการณ์ “เห็นผี” ของเมษา ที่เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ใช่พลังพิเศษที่เธออยากได้ มิหนำซ้ำมันกลายเปรียบเสมือนเนื้อร้ายและโรคร้ายที่ทำให้เธอ “ผิดแผกและแปลกแยก” ออกจากเพื่อนๆคนอื่นในโรงเรียน มีแค่เพียงต่ายเท่านั้นที่เข้าใจและรับรู้ได้ถึงความลำบากของเพื่อนตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็เผยให้คนดูได้เห็นและเข้าใจว่า เมื่อต่ายเข้าสู่มหาวิทยาลัยและได้พบกับเพื่อนใหม่ๆ ตัวเธอเองที่มีใบหน้าสะสวย ดูน่าจะป๊อปปูล่าร์ได้ไม่ยาก เธอจึงอยากจะลองคบเพื่อนกลุ่มใหม่ๆที่ชักชวนเธอให้ไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ

การเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้นี่เองที่ทำให้เมษาเริ่มรู้สึกว่า เพื่อนสนิทของตัวเองกำลังจะตีตัวออกห่างเธอไป แต่เมื่อการมองเห็น “ผี” ในห้องเชียร์ทำให้เธอแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาดต่อหน้าเพื่อนๆและรุ่นพี่ของคณะ ทำให้เมษาเองถูกมองด้วยสายตาตั้งคำถามจากคนรอบตัว

จุดพีคของ “เชียร์ปีสุดท้าย” คือการที่เมษาถูกรุ่นพี่บัณฑิตเรียกขึ้นมาที่หน้ากิจกรรมและตั้งคำถามว่า การที่เธออ้างว่าเห็นผีและไม่อยากจะร่วมกิจกรรมเชียร์ต่อ เธออยากกลับบ้าน แล้วถ้ามีเพื่อนๆคนอื่นๆขอทำแบบเธอบ้างกิจกรรมนี้ยังสมควรจะมีอยู่ไหม รุ่นพี่บัณฑิตหันหน้าไปถามน้องๆว่าชอบกันไม่ใช่เหรอระบอบประชาธิปไตยน่ะ งั้นเรามาโหวตกันดีกว่าไหมว่าใครอยากจะอยู่หรือใครอยากจะกลับ ด้วยน้ำเสียงข่มขู่มากกว่าจะเป็นการถามเพื่อขอความเห็นเสียด้วยซ้ำไป จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกอย่างลุกลามบานปลายไปสู่จุดที่ไม่อาจจะหวนคืนอีกต่อไป

“เชียร์ปีสุดท้าย” คือการใช้ “ผี” เอากลับมาตั้งคำถามถึงคนที่มองเห็นต่าง เห็นความไม่ชอบธรรมในระบบโซตัสและอยากจะปลีกตัวออกมา แต่ผลของการกระทำนั้นกลับกลายเป็นคมหอกดาบกลับมาทิ่มแทงตัวเองและกลายเป็นว่า คนที่อยากจะอยู่ร่วมสังคม (กับเพื่อนร่วมคณะ) จึงต้องทำตัวตามน้ำและยอมรับในพิธีกรรมดังกล่าวต่อไป ประเด็นเหล่านี้คือการชี้ชวนคนดูคิดและตั้งคำถามว่าท้ายที่สุดแล้ว สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกทางไหน ตัวละครทุกตัวที่อยู่ในห้องเชียร์ครั้งนี้ก็มีตราบาปติดตัวไปด้วยกันทั้งนั้น

ในตอน “เดอะซี” ที่เล่าถึงตำนานของผีนักศึกษาแพทย์ที่จะกลับมายังหอพักที่มีเตียงซีในคืนวันสถาปนา ทว่าในคืนนั้นเองแทน (เจมส์ ธีรดนย์) นักศึกษาแพทย์ที่อยู่หอพักเพียงคนเดียวในคืนดังกล่าวต้องเผชิญหน้ากับความกลัวขั้นสุดขีด เมื่อเตียงที่เขานอนอยู่นั้นอาจจะเป็นเตียงในเรื่องเล่าก็เป็นได้

สิ่งที่ตัวละครของแทนต้องเผชิญนั้นคือจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ที่เขาเองรู้อยู่แก่ใจว่าอาการป่วยเป็นโรคลมชักนั้น จะทำให้เขาขาดคุณสมบัติในการประกอบวิชาชีพที่ตัวเองฝันไว้ แต่ด้วยความหวังว่าถ้าหากว่าเขาเองสามารถรักษาโรคนี้ได้ บางทีมันอาจจะมีลู่ทางให้เขาได้ไปต่อ แต่เมื่อเขาต้องเอาตัวรอดจาก “ผี” ที่กลับมาทวงเตียงและไล่ล่าแทนอย่างเอาเป็นเอาตาย วินาทีนั้นแทนเองก็มีโอกาสที่จะได้ทำความเข้าใจตัวเองไปพร้อมๆกับการทำให้ผีจากอดีตได้ปล่อยวางจากสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน

ส่วนตอนสุดท้ายอย่าง “ตึกวิทย์เก่า” ที่มาในโทนของหนังตลกวิ่งหนีผี บอกเล่าเรื่องราวของกอล์ฟ (กิต Three Man Down) น้องชายของมีน (เบลล์ เขมิศรา) พี่สาวสุดห้าวที่ไหว้วานให้กอล์ฟเอาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมาให้เธอที่ตึกคณะวิทย์ ตึกใหม่ แต่กอล์ฟดันเลี้ยวผิดไปตึกเก่าที่มีตำนานของวิญญาณนักศึกษาที่กระโดดตึกตายในชุดบัณฑิต ผีป้ายนางตะเคียน และอาจารย์ผู้ตามหาขวดยารักษาโรค!

ถึง “ตึกวิทย์เก่า” จะเป็นตอนที่ตั้งใจพาคนดูหัวเราะคลายเครียดก่อนกลับบ้าน แต่เมื่อเราสำรวจประเด็น “เด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา” อย่างกอล์ฟ ถึงแม้เขาจะดูเป็นไรเดอร์ตามจีบหญิงดูไร้อนาคตไปวันๆ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การเอาชีวิตรอด (จากผี) บางครั้งทักษะชีวิตก็มีความจำเป็นมากกว่าความรู้ทางวิชาการ เมื่อสุดท้ายการปราบผีของกอล์ฟนั้นคือ การทำความเข้าใจกับเงื่อนไขต่างๆ และตอบคำถามที่ว่าทำไมผีเหล่านี้ถึงไม่ยอม “ละทิ้ง” ความพยาบาทนั้นไป

บางครั้งเรื่องเล็กๆที่คนอื่นมองว่าไร้สาระ บางครั้งมันอาจจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากสำหรับบางคน เขาอาจจะแค่ต้องการคนมองเห็นและเข้าใจในสิ่งๆนั้น แม้กระทั่ง “ผี” ก็ตาม

ท้ายที่สุดแล้ว เทอมสอง สยองขวัญ อาจจะเป็นหนังผี 3 เรื่องที่มัดรวมกันมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ลุ้นหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็มาพร้อมประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook