[เปิด Netflix มารีวิว] The Bubble กองถ่ายนี้ วายป่วงในห้วงโควิด!

 

ใครจะไปคิดว่าการออกกองถ่ายทำหนังฟอร์มยักษ์ในช่วงโควิด (ระลอกแรก) ระบาดจะเป็นเรื่องลำบากยากแค้นของสตูดิโอ เมื่อการขนดาราหลายๆคนมากักตัวรวมกันเพื่อถ่ายหนังจะวายป่วงกว่าที่คิด!

ผลงานหนังตลก การกำกับของจัดด์ อพาโทว์ ซึ่งพยายามจะเสียดสีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็นระบบสตูดิโอที่พยายามจะสร้างหนังแฟรนไชส์ภาคต่อทั้งที่บทหนังห่วยแตกและซ้ำซาก บรรดานักแสดงเซเลบริตี้ที่มากเรื่องมากความ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในกองถ่ายภาพยนตร์ และการหยิบเอาสถานการณ์ในช่วงโควิด-19 ระลอกแรกๆระบาดมาเป็นปัจจัยในการเพิ่มความวายป่วงให้กับหนังเรื่องนี้มากขึ้น

The Bubble เล่าห้วงเวลาที่หนังเรื่องคลิฟบีสต์ภาค 6 กำลังจะเปิดกล้องถ่ายทำ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้สตูดิโอต้องใช้วิธีการนำทีมงานและนักแสดงทุกคนมาอยู่รวมกันในโรงแรมแห่งหนึ่งในอังกฤษ โดยเรียกว่า “เดอะ บับเบิ้ล” เป็นระยะเวลาสามเดือนจนกว่าหนังจะถ่ายทำเสร็จและปิดกล้อง โดยแครอล (คาเรน กิลแลน) คือดาราคนสุดท้ายที่ตอบตกลงจะกลับมาแสดงแฟรนไชส์นี้อีกครั้ง หลังจากที่ตัวเองเคยเทหนังภาคก่อนไปเล่นหนังอินดี้ แต่หลังจากถูกวิจารณ์ยับเยินไม่เหลือชิ้นดี เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาเธอเลยกลับมาเล่นหนังเรื่องนี้อีกครั้ง

ความสัมพันธ์ระหว่างผองเพื่อนนักแสดง ดูเหมือนแต่ละคนจะมีอุปนิสัยบ๊องๆกันไปคนละทางไม่ว่าจะเป็นดัสติน (เดวิด ดูคอฟนี) ตัวเอกประจำแฟรนไชส์ที่เป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่องโดยที่เขาไม่เคยได้รับเครดิต และพยายามจะปรับบทของตัวเองให้ตัวละครฉลาดขึ้นบ้าง ซึ่งเขาพยายามจะกลับไปรีเทิร์นรักกับลอว์เรน (เลสลี่ แมนน์) หลังจากที่ทั้งคู่ต้องกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และเมื่อต้องติดอยู่ในเดอะ บับเบิ้ลเป็นเวลานานทุกอย่างก็เอื้อให้ทั้งคู่ขึ้นเตียงอีกหน

นอกจากบรรดาตัวละครหลักแล้ว ตัวละครสมทบแต่ละตัว ก็สะท้อนภาพห้วงเวลาที่โควิดระบาดได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นคริสตัล (ไอริส อพาโทว์) เจ้าแม่ Tiktok สกิลการเต้นสุดปัง สาวน้อยวัย 18 ปีที่สตูดิโอจับเธอมาเล่นหนังเรื่องนี้เพื่อเรียกแฟนคลับนางมาดูหนังภาคต่อ โดยอย่างที่เราทราบกันดีว่าแอปฯ นี้บูมไปทั่วโลกในช่วงเวลานั้น กระทั่งตัวละครดาร์เรน (เฟรด อาร์มิเชน) ผู้กำกับหนังคลิฟบีสต์ 6 ที่พยายามเคลมตัวเองถี่ยิบว่าเขาเป็นผู้กำกับระดับรางวัลซันแดนซ์ แม้ว่าสิ่งที่ผู้ชมได้เห็นบนจออยู่ตลอดเวลานั้นน่าจะทำให้ผู้กำกับคนนี้คว้ารางวัลราซซี่อวอร์สอย่างแน่นอนในอนาคต!

ความสนุกของ The Bubble คือรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่หนังพยายามจิกกัดวงการภาพยนตร์ ที่ไม่รู้ว่าจริงหรือลวง แต่ก็ดูเหมือนมีเค้าโครงของเรื่องจริงอยู่ไม่เบา ถ้าใครชื่นชอบวงการบันเทิงต่างประเทศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็คงจะขำไปกับหลายๆจุดที่หนังพยายามขยี้ หรือกระทั่งแขวะความเหลวไหลไร้สาระของอุตสาหกรรมบันเทิงยักษ์ใหญ่ของโลกใบนี้เลยก็ว่าได้